Pineapple TH-PH

Done

Thursday, December 25, 2008

กตัญญูเป็นโอสถประเสริฐ เป็นคุณแก่ตนเองทั้งร่าง กายจิตใจ : งานวิจัย

กตัญญูเป็นโอสถประเสริฐ เป็นคุณแก่ตนเองทั้งร่าง กายจิตใจ [25 ธ.ค. 51 - 01:00]

 

นัก วิจัยตะวันตกพบในการศึกษาด้วยความตื่นเต้นว่า การหมั่นปลูกฝังตนเองให้รู้จักกตัญญูรู้คุณคนไว้ประจำ เป็นคุณแก่ตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ผู้ที่รู้จักบุญคุณคน มักจะคุยให้รู้ว่าเป็นผู้มีสุขภาพดี ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย มีรายได้งาม พละกำลังดี รู้จักผู้คนมากมายและมีความสัมพันธ์ในครอบครัวเหนียวแน่น อยู่ติดปาก

พวกเขายังเป็นคนนอนหลับง่าย หลับสนิทและก็นอนรวด เดียวด้วย ตื่นขึ้นมาทุกเช้าอย่างกระปรี้กระเปร่า มีภูมิคุ้มกันอยู่ ในระดับสูง ห่างไกลจากโรคภัยที่เกิดจากเชื้อไวรัส และฮอร์โมนที่สร้างความเครียดก็งวดน้อยลงด้วย

ดร.โรเบิร์ต เอมมอนส์ นักวิจัยทางจิตวิทยา ได้แนะนำให้ ปลูกฝังนิสัยให้รู้จักความกตัญญูขึ้นในตนเองเป็นประจำ.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=116490

 

Tuesday, December 16, 2008

FW: เเม่มด ( อ่านกี่ทีก็ชอบ )

นิทานเรื่อง....เเม่มด ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน ดีมาก ๆ ...อ่านให้จบนะ

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.....
อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต
แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ
ถ้าหากเขาสามารถตอบ
ปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง

อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้
เขาก็จะถูกประหาร 'คำถามนั้นคือ ....
สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?'

ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง
เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและ
เริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน
แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้
คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่
ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ
แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง

แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง
อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น


แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน
นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน
อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของ
เหล่าอัศวินโต๊ะกลม
และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์

อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ
เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น
มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม
ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ
เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน

ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงาน
เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม

และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์
'สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง'
ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่
และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน
และก็เป็นเช่นนั้นจริง


แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ
กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติทั้งสุภาพอ่อนน้อม
ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช

ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด
ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และ
แล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง

กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์
ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!!
หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่
เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า
กาเวนงุนงง ???? สาวแสนสวยเฉลยว่า

เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด)
ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่า
รังเกียจส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้

กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน?

เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง
หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง
แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด?

หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน
แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี??
เป็นคุณหล่ะ
คุณจะเลือกอย่างไร ???
(กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่อย scroll ลงไปอ่านนะ )





























เอาละ..


เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว
อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่
ข้างล่างนี้ กาเวนตอบว่า
'เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง'
เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอ
จึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา
เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...

1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่
นั้นขึ้นอยู่กับ ความประพฤติของผู้ชาย

อย่าลืมส่งต่อนะ

ส่งมากกว่า 2 คน.....
ขอให้พบรักแท้... สาธุ!!!!!!!

คิดอย่างอัจฉริยะ 6 Quotients

คิดอย่างอัจฉริยะ

 

คอลัมน์ book is capital

 

[Image]

เรามักจะพูดถึงคนที่เป็นอัจฉริยะ กันบ่อยๆ

 

คนที่เป็นอัจฉริยะเป็นยังไง ?

 

การ เป็นอัจฉริยะนั้น ไม่ใช่แค่พรสวรรค์หรือสวรรค์บันดาล แต่เป็นการฝึกปรือวิทยายุทธ์ให้กล้าแกร่ง อยากเป็นเลิศทางด้านใด ก็ฝึกปรือด้านนั้น ถ้าอยากเป็นทั้งคนเก่ง คนดี สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขที่สุดในโลกก็ต้องเริ่มฝึกฝนกันตั้งแต่วันนี้

 

นั่นย่อมแสดงว่าอัจฉริยะสร้างได้!

 

ใน หนังสือ "ชนะชีวิต คิดอย่างอัจฉริยะ" ซึ่งเขียนโดย ผศ.ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์ นักจิตวิทยา ซึ่งเชี่ยวชาญด้าน AQ และ EQ มีหลายแง่มุมที่สามารถนำปรับเพื่อเสริม ภูมิปัญญาให้กับตัวเอง เพื่อความสุขและความสำเร็จของชีวิต

 

"ผศ.ธีระศักดิ์" มองว่า ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคม เนื่องจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ของประเทศไทย ทำให้คนไทยมีความสุขน้อย ฉะนั้นควรจะเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วย 6Qs

 

IQ-Intelligence Quotient เชาวน์ปัญญา

 

EQ-Emotional Quotient เชาวน์อารมณ์

 

AQ-Adversity Quotient เชาวน์ความอึด

 

MQ-Moral Quotient เชาวน์จริยธรรม

 

HQ-Health Quotient เชาวน์สุขภาพ

 

SQ-Spiritual Quotient เชาวน์ อัจฉริยภาพ

 

และ เขาเชื่อว่า SQ หรือ เชาวน์ อัจฉริยภาพ นั้นเป็นเป้าหมายสูงสุดที่จะทำให้คนมีสติ ส่งผลให้ทำบาปต่อตนเองและผู้อื่นน้อยลง ช่วยให้คนตระหนักถึงสายใยที่มวลมนุษยชาติมีต่อกัน

 

เขาแนะนำแนวทาง เสริมสร้าง อัจฉริยภาพสูงสุด โดยเรียนรู้ความ อัศจรรย์ของจิต เช่น ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายจิต ต่อด้วยเสริมสร้างพลังจิตวิญญาณ เช่น สั่งจิตในทางบวกและปรารถนาในสิ่งดีๆ ตามด้วยเสริมสร้าง พลังสมองด้วยการฝึกคิด และเสริมสร้างความจำด้วยการพกพาสมุดเล็กๆ ติดตัว

 

ใครที่สนใจเรื่องแบบนี้ก็ลองหามาศึกษาดู ซึ่งอาจจะเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถสร้างความสุขและสร้างความสำเร็จให้แก่ชีวิตคุณได้

ดวง

 

"ดวง"
By nives

คน ที่มีเหตุผลมากๆ อย่าง Value Investor หลายๆ คนมักจะไม่เชื่อเรื่องของ "ดวง" เขาไม่เชื่อว่า ดวงดาว และเวลาตกฟากของคน จะเกี่ยวข้องอะไรกับความสำเร็จ หรือล้มเหลวของคนคนนั้น มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และไม่สามารถหาความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลกันได้ เหนือสิ่งอื่นใด ในเวลานาทีใดนาทีหนึ่ง ก็มีคนเกิดกันเป็นร้อยเป็นพัน เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งหมดจะมีชะตาหรือความสำเร็จคล้ายๆ กัน แต่เรื่องนี้หมอดู ก็มักจะบอกว่าการดูหมอ จะต้องคำนึงถึงฐานะ และพื้นเพของคนคนนั้นด้วย ถ้าเขามีฐานะสูงหรือดีอยู่แล้ว การมีดวงชะตาที่ดีด้วย ก็จะทำให้เขาประสบความสำเร็จสูง ส่วนคนที่เกิดจากครอบครัวที่มีฐานะต่ำต้อย ดวงชะตาก็อาจช่วยอะไรไม่ได้มาก

 

ผมเองคิดว่า "ดวง" หรือวันเวลาที่เราเกิดนั้น น่าจะมีผลต่อความสำเร็จของคนอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกัน ฐานะของตัวเขาก็มีส่วนสำคัญมาก แต่ฐานะที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของเงินทอง หรือฐานะทางสังคม ว่าที่จริงบางครั้งฐานะที่ยากจนอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนคนหนึ่งประสบ ความสำเร็จก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ IQ หรือความฉลาดของเขานั้น ผมคิดว่าคนที่จะประสบความสำเร็จส่วนมากจำเป็นต้องมี IQ สูงในระดับหนึ่ง    

 

นอกจากเรื่องของดวงที่เป็นวันเกิด ฐานะหรือสถานะของเขาแล้ว บรรยากาศ หรือสถานที่ที่เขาอยู่รวมถึงเหตุการณ์แวดล้อมต่างๆ จะต้องเหมาะสมเป็นใจด้วย นั่นก็คือ คนที่เกิดในประเทศไทย ในเวลาเดียวกับคนที่เกิดในอเมริกา หรือคนที่เกิดในแองโกลา ทั้งๆ ที่มี IQ เท่าๆ กัน โชคชะตาและความสำเร็จก็มักจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

 

ดูแล้วความคิดของผมนั้นดูเหมือนว่า จะเป็นคนที่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์แต่ที่จริงผมคิดว่าไม่ใช่ จริงอยู่ ผมเชื่อว่าเวลาหรือปีเกิดนั้น มีผลต่อความสำเร็จของคนแต่สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้น หรือเกี่ยวกับดวงดาว ดังนั้นการทำนายความสำเร็จ หรือโชคชะตาของคนจากดวงดาว จึงไม่สามารถอธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมเชื่อเรื่องดวงนั้น มาจากการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักสังคมวิทยาที่เรียกว่า "Matthew Effect" ที่อธิบายว่า ทำไมคนที่เกิดในบางช่วงเวลาจึง "ดวง" และประสบความสำเร็จสูงกว่าคนที่เกิดในช่วงเวลาอื่น ทั้งที่ IQ ความสามารถ สถานะทางครอบครัว และสถานที่เกิดเหมือนกัน

 

ปรากฏการณ์ Matthew Effect นั้น มาจากการที่นักจิตวิทยาคนหนึ่ง พบว่า นักเล่นฮอกกี้ของแคนาดาที่เป็นดาราทั้งหลายนั้น ต่างก็มีวันเกิดตกอยู่ในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคมเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่คนเกิดเดือนธันวาคมมีน้อยที่สุด เหตุผลที่เขาพบก็คือ ในแคนาดาซึ่งฮอกกี้เป็นกีฬายอดนิยมนั้น เขามีการเล่นแข่งขันเป็นลีกตั้งแต่เด็กทุกขวบปี   เช่น อายุ 10 ขวบแข่งกันเอง อายุ 11 ขวบเป็นอีกลีกหนึ่ง ไปเรื่อยๆ เวลาคิดอายุเขาจะตัดกันที่วันที่ 1 มกราคม นั่นก็คือถ้าเด็กอายุครบ 10 ขวบในวันที่ 2 มกราคม เขาก็สามารถเล่นร่วมกับเด็กที่อายุครบ 10 ขวบในวันสิ้นปี  
 ผลก็คือ เด็กที่เกิดในวันที่ 2 มกราคม ก็จะเป็นเด็กที่มีอายุมากที่สุดในลีกคือมากกว่าคนที่มีวันเกิดในวันที่ 31 ธันวาคมเกือบ 1 ปี 

 

การมีอายุมากกว่าหลายเดือน หรือหนึ่งปีสำหรับเด็กอายุ 10 ขวบนั้นเป็นความได้เปรียบพอสมควรทีเดียว เพราะเขาจะตัวโตกว่า มีความเป็น "ผู้ใหญ่" มากกว่า ดังนั้นเวลาแข่งขันเขาก็จะเด่นกว่า จากจุดนั้น เขาก็มีโอกาสได้รับการคัดเลือกให้ไปเล่นในลีกต่อไปมากกว่า ได้รับการฝึกฝนที่ดีกว่า การเป็นผู้เล่นที่เด่นทำให้เขามีกำลังใจฝึกฝนมากกว่า กระบวนการนี้ทำให้เขาเก่งและเด่นขึ้นไป และได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นักสังคมวิทยาเรียกว่า "Accumulative Advantage" จนในที่สุดเขาก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์
 เรื่องของ Matthew Effect ยังถูกนำไปอธิบายว่าทำไม บิล เกตส์ และ สตีบ จอบส์ กลายเป็นราชันของวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เหตุผลคร่าวๆ ก็คือ พวกเขาเกิดในช่วงปี 1955 ซึ่งทำให้พวกเขาโตเป็นวัยรุ่นในช่วงที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังเกิดขึ้น ทั้ง บิล เกตส์ และจอบส์ ต่างก็ "โชคดี" ที่มีโอกาสที่จะเข้าถึงหรือ "เล่น" เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอย่าง "แทบไม่จำกัด"

 

ในขณะที่คนอื่นที่อายุมากกว่า ก็อาจจะทำงาน และอาจยุ่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ทั้งหลาย หรือคนที่อายุยังน้อยเกินไปที่จะเรียนรู้หรือสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ส่วน บุคคลได้ นั่นทำให้เขาทั้งคู่เป็น "เซียน" และเมื่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแพร่หลายไป เขาทั้งสองก็สามารถเข้าไปยึดหัวหาด และสร้างความสำเร็จเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนคนอื่นตามไม่ทัน
 ผมไม่แน่ใจว่ามีใครพูดถึง วอร์เรน บัฟเฟตต์ หรือไม่ แต่ผมคิดว่าเขาก็น่าจะเป็นผลผลิตจาก Matthew Effect อยู่เหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใด จอร์จ โซรอส เองก็อายุใกล้เคียงกับ บัฟเฟตต์ ดวงของนักลงทุนระดับโลกเอง อาจจะอยู่ในอายุประมาณ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เหตุผลอาจจะประมาณว่า นี่คือคนที่โตขึ้นมาจนสามารถเริ่มลงทุนได้ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และโลกมีประชากรเติบโตมากมหาศาลหลังสงคราม มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และอาจจะรวมถึงการตีพิมพ์ของหนังสือการลงทุนที่สำคัญ เช่น Intelligent Investor ที่ทำให้บัฟเฟตต์สามารถศึกษาและปฏิบัติได้มากและนานกว่าคนอื่น

 

นอกจากตัวบุคคลแล้ว ผมคิดว่า บริษัทอาจจะมี "ดวง" ที่ดีจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จมหาศาลได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในประเทศไทย น่าจะรวมถึงเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ซึ่งทำให้บริษัทค้าปลีกสมัยใหม่หลายๆ บริษัทที่ในภาวะนั้น เริ่มตั้งกิจการ หรือเป็นกิจการที่มีอยู่ แต่ไม่ได้มีปัญหาทางการเงินสามารถขยายสาขาเพิ่มขึ้น ในขณะที่คู่แข่งค่อยๆ ตายไป ความได้เปรียบของบริษัทที่ "ดวงดี" ในตอนแรกๆ ก็ไม่มาก แต่เวลาผ่านไปพร้อมๆ กับสาขาที่เพิ่มขึ้นทำให้การได้เปรียบมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถกลายเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งที่คนอื่นตามไม่ทัน

 

ทั้งหมดก็คือ เรื่องของดวงที่เราสามารถอธิบายได้ว่าทำไมคนคนหนึ่งหรือบริษัทหนึ่ง จึงได้ประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนั้น แต่นั่นคือคำอธิบายในเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว มันไม่สามารถอธิบายอนาคตได้โดยเฉพาะในช่วงที่เกิด ใครจะไปรู้ว่าวันที่บัฟเฟตต์เกิด และต่อมาอีก 25 ปี เขาจะเริ่มลงทุนเป็นอาชีพในช่วงที่ดีที่สุดของอเมริกา และเขาจะได้เจอ เบน เกรแฮม ที่สอนเขาเกี่ยวกับ Value Investment และนี่ก็คือ ความแตกต่างที่แยกผมจากความเชื่อทางโหราศาสตร์ นั่นคือ ผมเชื่อว่าดวงมีจริง แต่ทำนายจากดวงดาวไม่ได้

 

Sunday, December 14, 2008

ธรรมชาติของ “ความรัก”!

ธรรมชาติของ "ความรัก"!

 

"ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักน่ะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก

...แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก"

 

ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก

แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้

 

ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร

เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟูจนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า

"มีวันที่รักมา.. ก็อาจมีวันที่รักไปได้"

 

....ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ...

หลายคนจึงอดหลงใหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่

 

คนเรามักหลอกตัวเองว่าเพราะเรารักเขามาก

เขาคงเห็นความดีความตั้งใจของเรา

และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย

 

และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา เราก็สมหวังในรัก

และทำให้เรารู้สึกยึดมั่นได้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา

เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง

ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ

นานเท่าที่เราปรารถนา....

 

ความรู้สึกอันนี้แหละคือจุดเริ่มของความเจ็บปวดทั้งมวล

...เพราะมันฝืนกฎธรรมชาติ

 

ไม่ได้บอกว่า...รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป

เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไป จะรักคุณมากขึ้น คงเดิม หรือลดน้อยถอยลง

ก็จะเป็นเพราะคนสองคน ...

ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดียว หรือเขาฝ่ายเดียว

 

ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อนเข้าใจยาก...

แต่ในความซับซ้อนนั้น มันก็เรียบง่ายอย่างที่เรานึกไม่ถึง

เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องอะไรสารพัดสารพัน ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในกฎเดียวกัน

มันจะเกิดขึ้น....ตั้งอยู่ ... แปรสภาพแล้วก็จบลง

 

รักที่สมหวังอยู่กันจนแก่เฒ่า ก็หนีไม่พ้นกฎข้อนี้

เพราะวันหนึ่ง ไม่เราก็เขาก็ต้องตายจากกัน

 

สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป

สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน

ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว

อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง

และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้

 

ถึงวันนี้จะยังร้องไห้ ก็คงไม่เป็นไร

เพราะชีวิตก็แบบนี้ มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า

 

สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน

สุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป ทุกข์ก็เป็นเฉกเช่นกัน

 

ถ้าหากคุณร้องไห้ให้กับความรักแล้ว...ก็ขออย่าร้องเปล่าๆ

ขอให้คุณมองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิตไปด้วยนะค่ะ

 

เยี่ยมชมเว็บไซด์ ศูนย์ให้คำปรึกษา ได้ที่ http://counsel.spu.ac.th

สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง

สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง

 

ไม่ได้อยู่ที่.. การมองเห็น..

หากแต่อยู่ที่..

~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~

~ความรัก..ที่แท้จริง~

ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..

หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ.. แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..~

~ความรัก~

บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..

หากแต่อยู่ที่.. ..การกระทำ..

ซึ่งเรา..อาจรับรู้.. เพียงแค่..ฝ่ายเดียว

กฏการปฏิบัติ เพื่อน้อมใจเข้าสู่ธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ (Secret of Nature)

กฏการปฏิบัติ เพื่อน้อมใจเข้าสู่ธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ (Secret of Nature)

กฏธรรมชาติ 5 ข้อ เพื่อความหลุดพ้น/ความเป็นอิสรด้านจิตใจ

 

1.ถอนตัวจากโครงสร้างที่ซับซ้อน (หลีกเลี่ยงกรรมใหม่-กรรมที่อาจจะเกิดขึ้น) ตัดสายของปฏิจสมุปบาท (เหตุและผลของการปรุงแต่ง) ที่ซับซ้อนกับวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์แต่ละบุคคล

 

2. เป็นธรรมชาติเดิม (ความสงบ) ล้างอนุสัย (ล้างและล้วงอารมณ์ความยึดมั่นถือมั่นเก่าๆ ด้วยการปล่อยวางหรือวางธรรมชาติทั้งปวง) โดยพิจารณาธาตุตามธรรมชาติ และสมมติบัญญัติต่างๆ-เงื่อนไขหรือบทบัญญัติที่สมมติเพื่อใช้ร่วมกันที่ผ่าน วัน เดือน ปี จากอดีต ถึงปัจจุบัน

 

3. อยู่ไปเรื่อยเรื่อย ตามเหตุปัจจัยที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล (พิจารณาการปล่อยวางสมมติด้านกาลเวลา)

 

4. แต่ก่อนวัตถุต่างๆ มันไม่มี ซึ่งมีแต่ป่า (พิจารณาความจริงจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติเดิมที่อยู่รายรอบตัวเรา)

 

5. มนุษย์เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตหนึ่งเท่านั้น ที่อยู่อาศัยบนโลก (พิจารณาความจริงจากตนเอง)

Wednesday, December 10, 2008

Learning from our king's statement

1. ความเพียร
การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้
เวลา ต้องใช้ความ
เพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่
ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดี
งามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันควรทำดีนี่ แต่
ขอรับรองว่าการทำให้ดีควร
ต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นั กเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้า
เฝ้าฯวันที่27
ตุลาคม 2516
2. ความพอดี
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัด
ระวังและความพอ
เหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่น
หนารองรับพร้อมแล้ว
จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับ
ผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน
มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18
ธันวาคม 2540
3. ความรู้ตน
เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคน
ที่มีระเบียบดีแล้ ว จะ
สามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้าง
ความสำเร็จและ
ความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน
พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521
4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และ
เดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับ
สิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความ
สามัคคีให้หมู่คณะและ
ในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วย
ที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิต
ใจที่เผื่อแผ่โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521
5. อ่อนโย น แต่ไม่อ่อนแอ
ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมา
คารวะ ไม่แข็งกระด้าง
มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25
มิถุนายน 2496

6. พูดจริง ทำจริง
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความ
ศรัทธาเชื่อถือและความ
ยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจ จัย
สำคัญในการส่ง
เสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิด
ขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วน
รวม
พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10
กรกฎาคม
2540
7. หนังสือเป็นออมสิน
หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา
แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้
หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่
จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้
โดยแท้
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้า
ทูลละอองธุลีพระ
บาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514
8. ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้
เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อ
จักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง
พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปี พุทธศักราช 2531
9. การเอาชนะใจตน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริง
ว่าชั่วว่าเสื่อม เรา
ต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เรา
ต้องกล้าและบากบั่นที่จะ
กระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกัน
ทำเช่นนี้ ให้ได้
จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น

Wednesday, November 26, 2008

จรัสพงษ์ สุรัสวดี ... จากบทสัมภาษณ์ซู่โม่ตู้ทอร์คโชว์

จรัสพงษ์ สุรัสวดี ... จากบทสัมภาษณ์ซู่โม่ตู้ทอร์คโชว์

1. เหตุผลของพี่ตู้ในการจัดทอล์คโชว์ครั้งนี้คืออย่างไรครับ ?

เพราะพี่อิจฉารากหญ้าครับ
การที่อนุญาตให้คนที่ไม่เรียนมีสิทธิเท่าเทียมคนที่เรียน เป็นกติกาสากลสำหรับ
ประเทศที่ระดับการศึกษาเฉลี่ยสูงถึงขั้นปลอดภัยแล้ว
การเลือกตั้งของเค้าจึงเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานได้
ซึ่งไม่ถูกต้องสำหรับประเทศที่การศึกษาเฉลี่ยต่ำครับ

เพราะจริงๆแล้วสิทธิขั้นพื้นฐานเดิมนั้นกำหนดเฉพาะเรื่องพื้นฐาน เช่น
การนับถือศาสนา การสาธารณะสุข การแสดงความคิด การสมรส
สวัสดิภาพในการดำรงชีวิต ฯลฯ รวมไปถึง การศึกษา
แต่ไม่รวมการเลือกตั้งเข้าไปในสิทธิขั้นพื้นฐานครับ
อันตรายต่อความอยู่รอดของบางเผ่าพันธุ์ในทันที
แต่เผ่าพันธุ์นั้นๆจะไม่ค่อยรู้
เพราะดันไปสงสารเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ควรกำจัดเพราะเป็นภาระ
เราไม่ได้เกรงใจภาระเพราะเราใจดีนะครับ
เราเกรงใจภาระเพราะเราขี้ขลาด เราเกรงกลัวพวกภาระครับ
ภาระจึงได้ใจ ครอบครองเมืองโดยไม่ยอมพัฒนาพวกตน

พี่อิจฉามันครับ

เมื่อการศึกษาคือสิทธิขั้นพื้นฐาน
ใครไม่ยอมเรียนก็ต้องถือว่าผู้นั้นละเลยสิทธิขั้นพื้นฐาน
ก็แปลว่าบกพร่องในหน้าที่ซึ่งโยงกับบางสิทธิ
ผู้บกพร่องในหน้าที่ก็ควรถูกเพิกถอนบางสิทธิที่เกี่ยวข้อง เช่น
สิทธิในการตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศชาติ

เพราะเราจำเป็นต้องกำหนดที่การศึกษาครับ
ไม่ใช่กำหนดที่อายุเหมือนประเทศพัฒนา ตายซิ่
ระดับการศึกษาเฉลี่ยของเราต่ำกว่ามาตรฐานประเทศประชาธิปไตยในโลกครับ
ไม่ต้องอาย ต่ำกว่ามากเลยจริงๆ ต้องยอมรับ

ต้องแก้กติกาครับ ไม่งั้นตาย หลายศพแล้วด้วย
และจะมีอีกครับถ้าไม่รีบแก้กติกา อย่าอาย
เพื่อนร่วมชาติเราโง่ครับ ยอมรับซะจะได้แก้กติกากัน[/color]

ทำไมเราจึงไม่ให้ลิงบาบูนอายุ 18 ขวบมีสิทธิ์เลือกตั้งล่ะครับ
เพราะบาบูนไม่เรียนหนังสือ ไม่ใช่เพราะบาบูนไม่ใช่คนนะครับ
บาบูนเหนือกว่าบางคนด้วยซ้ำ บาบูนหากินเองได้ ไม่ต้องรอเอื้ออาทร
ไม่ต้องรอผ้าห่มทุกปี
ก็ถ้าบาบูนเรียนหนังสือสอบผ่าน ม.6 ก็แปลว่าพูดกับคนรู้เรื่อง
เราก็ควรให้สิทธิ์เลือกตั้งกับบาบูนครับ
:lol:
แต่นี่มีโง่กว่าบาบูนอีกนะ พูดก็ไม่รู้เรื่อง สะกดประชาธิปไตยก็ไม่ถูก
ทำมาหากินก็ไม่ได้ ผ้าห่มก็หาเองไม่ได้ต้องแจกทุกปี
แต่ดันมีสิทธิ์เลือกตั้ง อย่างงี้บาบูนค้อนครับ


ถ้ากุลีมีสิทธิเท่าบัณฑิต บัณฑิตจะลงทุนเรียนกันไปทำไมไม่ทราบครับ
ประชาธิปไตยมันว่าด้วยเรื่องเสียงข้างมาก
ฉะนั้น ประเทศไหนที่เสียงข้างมากไม่มีการศึกษา ประเทศก็ล่ม
เพราะกุ๊ยซื้อกุ๊ยและกุ๊ยเลือกกุ๊ยแน่นอนครับ
:mrgreen:
พวกคอมมิวนิสนิยมก็สัพหยอกว่าพี่ตู้เป็น อำมาตยาธิปไตย
แต่พี่เต็มใจเป็น อำมาตยาธิปไตย มากกว่า กุ๊ยยาธิปไตย นะจะบอกให้
แต่เดี๋ยวนะครับ อำมาตยาธิปไตยมันไม่ดีตรงไหนหรือครับ
เทียบกับรัฐบาลรากหญ้าธิปไตยทุกวันนี้

มีคนเข้าใจสิ่งที่เข้าใจยากแบบนี้อยู่หยิบมือนึงบนแผ่นดินนี้
พี่ต้องทอล์คโชว์เพราะพี่ต้องการพูดคุยกับท่านเหล่านี้บ่อยๆครับ
อาจไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวันนี้ แต่พรุ่งนี้จะไม่มืดมน
เพราะคนเหล่านี้จะเห็นทางออกไงครับ ถ้าไม่อวดเก่งกันนะ
พรุ่งนี้หมายถึงวันรุ่งขึ้น ไม่ใช่ปีรุ่งขึ้นนะ
เพราะทันทีที่รู้ทางออกก็บอกต่อกันแบบแอมเวย์
แป๊บเดียวก็เข้าใจกันหมดแล้ว ซัก 2 วันมั้ง
เพราะคนที่ฟังรู้เรื่องมีไม่ถึง 1 % ของประเทศ
ที่เหลือไม่ใช่โง่ แต่ไม่ฟังครับ ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าอวดดี เพียงแต่โง่


การเปลี่ยนแปลงแผ่นดินต้องทำให้เด็ดขาดครับ
ไม่ใช่ไล่ไปแล้วเลือกตั้งใหม่เพื่อให้พวกมันกลับมายิ่งใหญ่อีก
มันตลกและดูไม่เด็ดขาดไม่จริงใจนะครับ ซึ่งพี่ก็สรรเสริญ
ทุกการต่อสู้ของพันธมิตร เพราะชอบพอกันเป็นการส่วนตัวมาก
แต่พี่ไม่ไปวิ่งชนกระสุนเพื่อให้รากหญ้าเลือกพวกมันกลับมาอีก
คุณพ่อพี่สอนว่า อย่าให้คนไม่ดีมีโอกาสปกครองบ้านเมือง
เพราะฉะนั้น การขับไล่ ต้องตามด้วย การกำจัด
ซึ่งในอารยะประเทศเค้าใช้วิธีฆ่าทิ้งแบบเนียนๆ
แล้วแจงว่า ตายด้วยฝีมือคนวิกลจริต ซึ่งเรื่องก็เงียบ

แต่ในอนารยะประเทศซึ่งขี้ขลาด ก็ใช้วิธีนุ่มนวล
ซึ่งก็ตกเป็นเบี้ยล่างและสูญเสียเปล่า
เพราะกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่างหลังทุกการต่อสู้
พี่หงุดหงิดทุกครั้งเพราะวีรบุรุษของพี่เหนื่อยเปล่าทุกครั้ง
เพราะไม่แก้ที่ระบอบไงครับ


การเป็นวีรชนด้วยอารมณ์มักไม่แก้ปัญหาครับ ต้องแก้ปัญหาด้วยเหตุผล
ซึ่งต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ การโกงกิน การแตกแยก และ สิทธิที่ไม่ควรเป็นขั้นพื้นฐาน
ซึ่งพี่จะได้กล่าวรวมไว้ในช่วงท้าย ขยักเอาไว้ก่อนให้หงุดหงิดเล่นซะงั้น
เป็นการคัดคนอ่านไงครับ

ท่านใดที่อ่านถึงตรงนี้แล้วงง อย่าอ่านต่อนะครับเสียเวลาท่านเปล่าๆครับ
ท่านก็ตั้งหน้าตั้งตาเลือกคนดีต่อไปนะ

2. ชื่อของทอล์คโชว์ "กรุงไม่แตก ก็เลี้ยงไม่โต" ต้องการจะบอกอะไรครับ
เหมือน"ไม่เจ็บ ก็ไม่โต" อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ?


จะแปลอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่วลีที่ว่า ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หมายถึง พิการ นะครับ
สังคมไทยพิการเพราะเราคิดว่าเราทำได้อย่างซีกโลกหนาวครับ
ลอกทุกอย่างของเค้ามา รวมทั้งระบอบการปกครอง
โดยลืมคิดไปว่าไม่มีนวัตกรรมของเราที่เค้าซื้อไปใช้เลย
มีแต่นวัตกรรมของเค้าที่เราซื้อมาใช้
เพราะเราไม่มีนวัตกรรมไงครับ

สิ่งของเครื่องใช้ในการอำนวยความสะดวกของชีวิตประจำวันประดิษฐ์คิดค้นโดย
คนซีกโลกหนาวแทบทั้งหมด
เพราะเราไม่กล้าคิด เรากลัวคนที่คิดไม่ออกจะทักท้วงเรา
เพราะคนที่คิดไม่ออกรู้ดีว่าถ้าทักท้วงแล้วจะดูเหมือนชนะในสายตาคนรอบๆ
ซึ่งก็คิดตื้นแบบเดียวกัน
จึงไม่มีกระบวนการคิดเกิดขึ้นในแถบซีกโลกร้อนที่ช่างทักท้วงครับ


มหาบุรุษอย่าง เจ้าชายสิทธัตถะ และ มหาตมะคานธี เท่านั้นครับ
ที่ฝ่าวงล้อมของนักทักท้วงได้สำเร็จ ด้วยจิตที่มั่นคง
การทักท้วงโดยที่คิดเองก็ไม่ออกเป็นวัฒนธรรมซีกโลกร้อนทีอยู่ในสันดาน
แก้ไม่ได้ครับ ทำให้เป็นประชาธิปไตยอย่างซีกโลกหนาวไม่ได้สักประเทศเดียว
แต่ก็อยากจะเป็นประชาธิปไตยเพราะหลงตนกันครับ
เหมือนการย้อมสีผมแล้วเป็นฝรั่ง :lol:

สังคมที่พิการเกิดจาก การแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ ไม่นิยมเหตุผล
แต่พี่เห็นพันธมิตรใช้เหตุผลแล้วก็ไม่ได้ผลนะครับ
เพราะต่อให้ใช้เหตุผลรัฐบาลหน้าด้านก็ไม่ลาออกครับ
เพราะรากหญ้าเลือกเค้ามาด้วยเสียงที่มากกว่าบัณฑิต

ซึ่งเราก็เถียงระบอบไม่ได้ เพราะบัณฑิต 14 ตุลาเอาอำนาจ
การตัดสินใจในเรื่องบ้านเมืองไปยัดให้รากหญ้า
ซึงพวกเค้าไม่อยากได้ และ เล่นไม่ถนัด


แต่พี่ว่าพวกเค้าเล่นถูกแล้วนะ
เพราะเค้าเลือกคนที่ให้เงินเค้า เพื่อตอบแทนบุญคุณ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกต้องในสายตาพวกเค้าเอง คือ การมีกตเวทิตาครับ
รากหญ้าหัวเราะเยาะพวกเราที่แห่กันไปเลือกพรรคนั้นพรรคนี้โดย
ไม่ได้อะไรตอบแทนเลย พวกเราก็ดูโง่ในสายตาพวกเค้านะครับ
:shock:

การโกงกินไม่ใช่สิ่งที่ผิดในสายตารากหญ้าครับ
เพราะรอบหมู่บ้านเค้ามีแต่การโกงกินโดยผู้มีอำนาจมีฐานะ
และมีคนยกย่องด้วยเพราะรวยนี่ เป็นที่พึ่งของทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นเทพไปเลย
:shock:
แม้จะโกงมาก็ไม่ว่าเพราะทุกคนที่นั่นโกงแล้วได้ดีทั้งนั้น
ทุกห้องแถวทั้งในกรุงและบ้านนอกก็ทำอาชีพซื้อถูกมาขายแพงโดยไม่เสียภาษีทั้งสิ้น
ก็คือการโกงดีๆนี่เอง ไม่เห็นตำรวจจับนี่
เราเรียกร้องให้อุดหนุนร้านโชห่วยที่ไม่เสียภาษี
และขับไล่ แมคโคร โลตัส คาฟู ที่เสียภาษี
ทั้งๆที่ร้านโชห่วยก็เป็นของคนต่างด้าวเหมือนกัน บางร้านไม่พูดไทยด้วยซ้ำ

เราเห็นว่าผิดแต่รากหญ้าเห็นว่าไม่ผิด
เพราะเราดันยอมให้พวกที่คิดไม่เหมือนพวกเรามีสิทธิเลือกคนมาปกครองเราไงครับ
เราต่างหากครับที่เป็นฝ่ายที่ทำผิดมาตลอด
เรื่องอย่างนี้คนที่คิดได้เท่านั้นที่จะรู้
บางคนคิดไม่ได้ครับ คิดแล้วปวดหัวสลบเหมือดคาหลังควาย

ความไม่กล้าคิดทำให้ทุกสังคมพิการครับ
สังคมที่พิการจะล่มแล้วล่มอีก ลุกกลับขึ้นมาได้ก็ป้อแป้ เดี๋ยวก็ล่มอีก
โยนกก็ล่ม เชียงแสนก็ล่ม ล้านนาก็ล่ม ทวาราวดีก็ล่ม ศรีวิชัยก็ล่ม หริภุญชัยก็ล่ม
สุโขทัยก็ล่ม อยุธยาก็ล่ม ธนบุรีก็ล่ม
นี่ยังไม่รวม อ้ายลาว น่านจ้าว นะครับ
เพราะนักวิชาการหลัง 14 ตุลาบอกว่า ไทยไม่ได้มาจาก อ้ายลาว น่านจ้าว
เนื่องจากไม่ต้องการให้คนไทยคิดว่าเราโดนจีนรุกราน
เพราะพวกเค้ากำลังจะเอาลูกจีนเข้าสภาปกครองคนไทย
เราจึงเคยมีประธานสภาที่พูดไทยไม่ชัดมากันแล้ว
หัวหน้าพรรคก็มาจากแซ่แทบทั้งนั้น
พวกเขามาจากไหน ใยจึงมาปรารถนาดีต่อแผ่นดินที่ไม่ใช่ของบรรพบุรุษตน
ช่างประหลาดเหลือล้ำ แวะมาปรารถนาดีต่อแผ่นดิน 4 ปีก็ดันมีคนลงคะแนนให้
เรียกว่า พิการหมู่ ครับ

ถึงเวลาต้องคิดระบอบใหม่กันแล้วครับ
ถ้าไม่อยากให้อาณาจักรรัตนโกสินทร์ล่มอีก
ถ้าคิดไม่ออกจงรู้จักฟังนะครับ ฟังแล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยครับ
เพราะเค้าคิดมาแล้วจะมาคิดทับอีกทำไม
ช่วยกันคิดของใหม่ซิ่ครับ มาคิดทับกันอยู่นั่น
คนไทยถนัดนักเรื่องคิดทับคนอื่น
ฝรั่งเรียก ขโมยซีน ไทยเรียกว่า ไทยมุง หรือ รุมสกรัม
หรือ หมาหมู่ นั่นเองครับ

3. พี่ตู้คาดการณ์ว่า บ้านเมืองของเราจะก้าวไปถึงจุดที่เรียกว่า "กรุงแตก" หรือเปล่า เพราะอะไรครับ ?

เราแตกโดยพฤตินัยแล้วครับ
ถ้ารอต่อไปโดยไม่ทำระบอบใหม่ เราจะแตกโดยนิตินัยครับ :shock:
ก็จะเหมือน เขมรสามฝ่าย ลาวห้าฝาย เวียตนามเหนือใต้ เกาหลีเหนือใต้
ซึ่งตอนนี้เราก็มีไทยเหนือใต้แล้วนี่ใช่มั้ย


วันนี้ไทยแตกเป็นจีนสองฝ่ายตีกันบนแผ่นดินไทย
ลูกจีนทั้งนั้นครับที่แสดงออกกัน
ตั้งแต่ 14 ตุลาแล้วครับที่มีคำว่ากุมารจีน

กุมารไทยนอนครับ เพราะรับราชการกลัวอำนาจรัฐ
ลับหลังก็นินทาคนโกงแต่ต่อหน้าก็เดินตามตูด
คนไทยแท้ตอแหลครับ
สมเด็จพระนเรศวรทรงตรัสไว้ว่า
พวกเจ้าคนไทยเปรียบเหมือนหญ้าที่ต้องคอยตัดเล็ม
เมื่อปล่อยให้โตโดยอิสระจะหาระเบียบใดมิได้
;)
เราจะเอาทองคำโปรยบนทางเดิน
ผู้ใดจ้องมองด้วยดวงตากิเลส เราจะให้ทหารเอาธนูยิงลูกนัยน์ตา


อยุธยาช่วงนั้น สงบสุข น่าอยู่
เพราะไม่ทรงอนุญาตให้ไพร่ที่ต่ำช้าแสดงออกครับ

มาวันนี้ที่ประชาธิปไตยเบ่งบานทะโล่ จัณฑาลก็บังอาจแสดงออกได้
และ ซื้ออำนาจเข้ามาปกครองบัณฑิต ซึ่งไร้น้ำยาเพราะพวกน้อยกว่า
ประเทศที่คนมีการศึกษามีจำนวนน้อยกว่าคนที่ไม่มีการศึกษา
จะยังเป็นประชาธิปไตยไม่ไครับ
เพราะเสียงส่วนใหญ่จะโง่ จะวุ่นวายไม่จบสิ้น

จะตะโกนแต่คำขวัญของกรรมกรคอมมิวนิส ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
แล้วก็ตีกันด้วยอารมณ์ จบไม่ลงก็เดือดร้อนพ่อหลวงต้องมาระงับศึกทุกครั้งไป
แต่ประชาชนก็ยังอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ของพระเจ้าอยู่หัว โดยไม่รู้จักเจียมตัว
ดูแลแผ่นดินกันให้เรียบร้อยยังไม่ได้ แต่อยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

เป็นคอมมิวนิสที่แอบอ้างประชาธิปไตยมาต่อเนื่องครับ
เพราะยังเชื่อกันว่า ถ้ากรรมกรเป็นใหญ่ฟ้าจะสีทองผ่องอำไพครับ
ตัวอย่างมีให้เห็นในแผ่นดินคอมมิวนิสอื่นเยอะแยะ ยังจะดักดานกันอยู่อีก
ก็วันนี้กุลีก็เป็นใหญ่ในแผ่นดินไทยแล้วนี่ครับ ฟ้าก็ยังสีแดง
ทุกอย่างจะเรียบร้อยต่อเมื่อฟ้าสีน้ำเงินเท่านั้นครับ
จงรับรู้ไว้ซะ

ถ้าสิ้นพระบารมีเมื่อใด เราก็จะเหมือนอดีตของเพื่อนบ้านเราแน่นอนครับ
คนที่ต้องการล้มสถาบัน เพื่อให้พวกตนคนต่างด้าวเป็นใหญ่
จึงต้องการเร่งให้สิ้นพระบารมีทุกวิธีโดยเร็วไงครับ
:cry:

ซึ่งการสิ้นพระบารมีมิได้หมายถึงต้องสิ้นพระอายุขัยแต่อย่างใด
การที่ทรงทำอะไรไม่ได้ต่อสถานการณ์บ้านเมือง
ก็ถือเป็นการสิ้นพระบารมีในสายตาคนพวกนี้ ที่รอให้สถาบันเสื่อม
เพื่อสร้างเงื่อนไขในการตั้งราชวงศ์ใหม่
ที่มาจากแซ่ครับ

วันเสียงปืนแตกของคอมมิวนิสต์ใกล้แล้วนะครับ
แตกในกรุงนี่แหละ ..แตกกันเอง
:mrgreen:

4. ถ้ากรุงมันจะแตกหรือไม่แตก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ "วิชาประวัติศาสตร์" ล่ะครับ ?

ประวัติศาสตร์สอนให้คนในชาติบังเกิด 3 สิ่ง
สำนึก กตเวทิตา และ อุทาหรณ์
ปราศจาก 3 สิ่งนี้เราเป็นชาติไม่ได้ครับ


อ้ายลาว น่านจ้าว โยนก เชียงแสน ล้านนา ทวาราวดี ศรีวิชัย หริภุญชัย
สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี แตกหมดแล้ว
เพราะไม่มีวิชาประวัติศาสตร์เรียนครับ
อาณาจักรเหล่านี้เอาคนเชื้อสายต่างด้าวเข้ามาปกครอง
เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา และลบประวัติศาสตร์ทิ้ง
ให้หันมาเลื่อมใสเชื้อสายต่างด้าวที่รวยเอารวยเอาไม่เลิก
เพื่อให้เลิกนับถือพ่อและหันมานับถือเตี่ยใหม่แทนพ่อ




ไม่มีทางครับ
คนไทยเติบโตมากับการปกครองแบบพ่อกับลูก
เปลี่ยนไม่ได้ครับ ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้

แต่ปรับได้ ขอให้รอฟังในช่วงต่อไปด้วยความอึดอัดและหงุดหงิดนะครับ
เพราะของดีต้องมาตอนจบ
เหมือนทุกวิกฤติของบ้านเมืองที่ผ่านมา และ คราวนี้ก็ด้วย
พ่อจ๋า หนูกราบขอบพระคุณ และ คิดถึงพ่อมาก พะย่ะค่ะ
ทอล์คโชว์ครั้งนี้จัดเพื่อสนองกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
เรื่องวิชาประวัติศาสตร์ที่หายไปครับ

5. ถามตรงๆ ทอล์คโชว์คราวนี้มีประเด็นหลักๆ เป็นเรื่องการเมืองใช่หรือเปล่าครับ เพราะอะไร ?

การเมืองอย่างเดียวเลยครับ
การเมืองตั้งแต่สมัยโยนกมาจนถึงสมัยราชวงศ์แซ่เบ๊อีก 50 ปีข้างหน้าครับ
เราไม่รอดหรอกครับ เพราะเราแหย
คนไม่แหยมีอยู่หยิบมือเดียว ที่กล้าฟังเรื่องพวกนี้
ที่เหลือนอนรอสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาล
ซึ่งบางทีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพระเบื่อเป็นนะครับ
เพราะประชาชนอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่แก้ปัญหาในแผ่นดินกันไม่ได้

แผ่นดินเกษตรกรรมแหงนรอฝนฟ้าบันดาลมาเกือบพันปี
แก้กำพืดนี้ไม่ได้ จะให้แก้ปัญหากันเอง ไม่มีวันครับ :mrgreen:

ในทอล์คโชว์วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนี้
ท่านผู้ชมที่มีกตเวทิตาและกล้าหาญสามารถสมัครคาราวาน กรุงเทพ อยุธยา
เดินทางวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน
เพื่อเยี่ยมคำนับแผ่นดินประวัติศาสตร์ที่ลูกหลานลืมหมดแล้วว่า
บรรพบุรุษไทยก็ไม่ใช่ขี้ขี้
เพียงเพราะวันนี้ไม่มีวิชาบรรพบุรุษศาสตร์ให้ผองเราเฝ้าศึกษา
ก็หาใช่ว่าวีรกรรมของผองท่านจะหาเคยปรากฏไม่
ใช้ภาษาวรรณกรรมแล้วซับซ้อนดี
เหมือนที่ให้รากหญ้าอ่านรัฐธรรมนูญแล้วไม่รู้เรื่อง
ก็ถามว่ากินได้มั้ย
ทำให้เรารู้ว่าค่อนประเทศคิดแค่เรื่องกิน คนที่พวกนี้เลือกมาจึงกินจุ

ไม่รู้จักคำว่าพอเพียงของในหลวง

ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
เช่นเดียวกับการเข้าคูหาไปกาเลือกสามัญชนมาใช้ พระราชอำนาจของพระองค์ ก็มิผิดเพี้ยน
ผลกรรมจึงตามมาลงโทษทัณฑ์ให้เราต้องอยู่อย่างไร้ความสงบสุขฉะนี้เอง

แต่แผ่นดินย่อมดูแลผู้ที่กาโนโหวตให้มีชีวิตที่สุขสบายไร้กังวล
สามารถมานั่งให้สัมภาษณ์ได้อย่างสบายใจเฉิบๆอยู่ ณ ขณะนี้นั่นเองครับ

6. พี่ตู้มองความแตกต่างระหว่างเพลงเก่ากับนักการเมืองเก่ายังไงครับ ?

เช่น เพลงยิ่งเก่ายิ่งอมตะ แต่นักการเมืองยิ่งเก่า ก็ยิ่งเก๋าและโกงเก่งอะไรอย่างงี้เป็นต้น

น้องนิยามได้คมคายมากครับ พี่ชอบ เมื่อพี่ชอบพี่ก็ชมต่อหน้า
คนไทยต้องแก้นิสัยไม่กล้าแสดงออกนะครับ ไม่ชม ไม่ด่า
แล้วมันจะรู้มั้ยว่าเราเกลียดมัน
พี่จึงยกย่องวีรกรรมของแกนนำพันธมิตรและผู้ร่วมชุมนุม
และพี่จึงด่าคนที่พี่เกลียด เช่น รากหญ้า
เพราะมันคือต้นตอแห่งปัญหาทั้งปวง
คนที่มันเลือกมาสร้างปัญหาให้บัณฑิตเมืองหลวง
ที่เสียภาษีไปเลี้ยงพวกมันที่โง่และขี้เกียจ


พูดออกสื่อไม่ได้เพราะสื่อขี้ขลาดครับ จึงต้องมาทำทอล์คโชว์
เพื่อให้พูดได้โดยไม่ต้องเกรงใจสื่อที่ปอดแหก
แต่ต้องพูดกับเฉพาะคนดูที่กล้าเท่านั้นนะครับ
คนดูที่ขี้ขลาดอย่าซื้อบัตรทอล์คโชว์พี่นะ เดี๋ยวเยี่ยวแตกในโรงครับ
:mrgreen:

สังคมที่ไม่กล้าแสดงออกไม่มีวันเป็นประชาธิปไตยได้ครับ
คนที่ไม่กล้าแสดงออกก็เกิดมาหายใจเสียเปล่าไปชาตินึง เรียกว่า ดีแต่เกิด
ซึ่งเป็นชื่อหนังสือเล่มแรกของพี่ ที่ผู้คนบอกว่าควรอธิบายชื่อหนังสือ
พี่ก็บอกว่าถ้าไม่เข้าใจก็ไม่ควรอ่าน
พี่ไม่เอาใจใครเลยครับ
ไม่ใช่เพราะเป็นลูกทหารยศพลอากาศเอก
ไม่ใช่เพราะไปโตเมืองนอกตอนคุณพ่อเป็นทูตลอนดอน
ไม่ใช่เพราะเป็นนิสิตดีเด่นเพชรชมพูของจุฬา
แต่เพราะพี่เหนื่อยกับการอธิบายคนที่ฟังไม่เป็นครับ
ต่อให้พี่อธิบายจนมันเข้าใจแล้วมันก็ไปนอน แล้วมันจะสงสัยไปทำไม
ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย
ไม่ได้เป็นแม้แต่ทรัพยากรที่มีคุณค่าอะไรต่อแผ่นดินเลย
แต่ขี้สงสัย ถามจังเลย
แผ่นดินสยามไม่ต้องมีมันก็ได้ครับ เปลืองออกซิเจนสยาม
:lol:


พี่เลือกพูดกับเฉพาะคนที่มีไอคิว ฟังเป็น เข้าใจเป็น คิดต่อเป็น
คนเหล่านี้มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พี่ต้องพูดกับเค้าครับ

แต่ไอ้ประเภทฟังแล้วขี้ขโมย เช่น พี่ตู้คิดเหมือนผมเลย
พวกนี้พี่ถีบเบาๆแล้วสอนครับ
ท่านคิดสิ่งดีๆแล้วไม่พูดออกมา มึงจะคิดไปทำไม
พลังเงียบไม่มีพลังนะครับไอ้โง่ !!


ได้ผลหลายรายแล้วครับ
จริงๆคือ มันฟังเสร็จแล้วเห็นด้วย แต่วางฟอร์ม ก็พูดว่าคิดเหมือนกัน
ไม่ใช่มันคิดเหมือนพี่นะ มันบอกว่าพี่คิดเหมือนมัน แปลว่ามันคิดก่อน

บัณฑิตที่เรียนถึงปริญญาเอกยังเป็นเลยครับสันดานนี้ คือ คอรัปชั่นดีๆนี่เอง
มาจากการตักกับข้าวจากกลางโต๊ะมาใส่จานตัวเอง คือ
เอาของส่วนรวมมาเป็นของตน
ซึ่งเราสอนเด็กให้โกงตั้งแต่เล็กๆมาโดยไม่รู้ตัวกันครับ

ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยในซีกโลกหนาว เวลากินข้าวต้องจานใครจานมัน
ไม่มีการตักจากกลางโต๊ะทีละคำ มันตักทีเดียวราดเสร็จไปเลย
เป็นการวางแผนระยะยาว


ไทยเราคิดทีละคำ แล้วตะกละด้วยนะ กับข้าวหลายอย่างมาก
เมืองหนาวมันกินมื้อละอย่าง เพราะยังมีมื้อหน้าค่อยกินอย่างอื่น
มื้อนั้นไม่ใช่มื้อสุดท้ายของชีวิต มันคิดกันได้ไงครับ
ถ้าเราสอนเด็กกินข้าวราดแกงตั้งแต่เล็ก เด็กจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ตะกละ
ไม่ขโมยของส่วนกาง รู้จักวางแผน
และ คิดเป็นว่าทุกมื้อไม่ใช่ THE LAST SUPPER


เพราะคิดกันไกลอย่างเมืองหนาวไม่ได้
เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ ไม่มีการอดอยากหน้าหนาวอย่างพวกนั้น
ก็ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า
ทำให้นักการเมืองก็ไม่คิดไกล โกงง่ายๆ

เพราะประชาชนเองก็ไม่คิดไกลเหมือนกัน
เลือกพรรคนี้คนนี้เพราะเบื่อพรรคโน้นคนโน้น
ถ้าคิดไกลจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่สามัญชนจะแวะมาหวังดีกับประเทศ 4 ปี
โดยที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยทำอะไรให้ประเทศมาก่อนเลย


ฉะนั้นจงพร้อมใจกันกันกาโนโหวตให้สภาโล่งเถิด
เพราะบ้านเมืองก็เดินได้ด้วยกระทรวงต่างๆอยู่แล้วนี่
มีสภาก็ไม่เคยเล่นงานข้าราชการเลวได้เลย เพราะมัวแต่เล่นงานกันเอง
:mrgreen:
มีสภาก็คือมีรัฐมนตรีมาช่วยโกงอีก
การกาไม่เลือกใครเป็นการรักษาศักดิ์ศรีของผู้กา
ว่าไม่ได้ส่งโจรเข้าไปแย่งพระราชอำนาจครับ


ถ้าคิดว่ากาโนโหวตแล้วเสียของจะทำให้พวกผู้แทนรากหญ้าชนะและเข้าสภา
กาเลือกประชาธิปัตย์ให้ตายพรรคของรากหญ้าก็มาอยู่ดีทุกทีครับ
มันวางแผนกันมาตั้งแต่ 14 ตุลาแล้วครับ
ผู้ใช้แรงงานต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผู้ใช้สมองต้องเจียมตัวอยู่เงียบๆ

แต่พี่หมั่นไส้มัน เลยไม่อยากเงียบ :lol:

แต่พี่ก็พูดอยู่คนเดียวนะเพราะคนอื่นขี้เกรงใจ
ซึ่งพี่ก็เห็นใจเพราะเค้าไม่มีปืนกลเหมือนพี่ ของพี่เป็นปืนกลอาบยาพิษด้วย
กำลังจะเอาไปให้น้องยะ สุริยใสที่พันธมิตรครับ
แต่ต้องใช้แทง เพราะอาบยาพิษที่ปากกระบอก

นักการเมืองเก่าหรือนักการเมืองใหม่ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นครับ
ถ้าสภายังยกมือไว้วางใจคนโกงอยู่
ระบอบใหม่ต่างหากครับที่จำเป็น ระบอบที่เหมาะสมกับสันดานไทย ที่ขี้โกง
พี่เรียกว่า พอเพียงธิปไตย ถวายแด่พ่อผู้ทรงทศพิศราชธรรมครับ
:!:


ซึ่งพี่ได้ขยายความไว้ใน จดหมายเรียนแกนนำพันธมิตร
ที่ลงตีพิมพ์ในฉบับเดียวกันนี้แล้ว
ใครอ่านแล้วไม่เข้าใจก็อย่าไปพยายามเข้าใจมันเลยนะครับ
จงกลับไปเลือกคนดีต่อไปเถิด
งวดหน้านี่คนดีลงสมัครทั้งนั้นเลย เพราะต้องรีบถอนทุนกัน
:lol:

7. พี่ตู้เห็นดีด้วยหรือไม่กับการที่คนในสังคมเริ่มพูดถึงการเมืองใหม่กันมากขึ้น
เพราะอะไรครับ?


ต้องยกความดีให้พี่สนธิครับ
พันธมิตรทำให้คนกล้าพูดเรื่องการเมืองมากขึ้น
เพราะพูดแล้วไม่เป็นไรไงครับ
ก่อนพันธมิตรก็มีแค่พี่ตู้คนเดียวที่พูดบนเวทีหรือพูดออกสื่อเปิดเผย
คนก็ไม่กล้าเอาอย่างเพราะกลัวเป็นอย่างพี่ตู้ พูดเรื่องเมืองแล้วหัวล้าน :lol:

การเมืองใหม่เป็นความหวังของทุกคนเพราะเบื่อของเก่าครับ
เราเห็นทางตันแต่ความจริงทางไม่ตันถ้ากล้ายกเลิกของเก่ามากกว่าปรับแก้
:!:

แต่คนก็ยังไม่อยากออกความเห็นกันมาก
เพราะไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์การเมืองโลกครับ
คนที่มีความรู้ก็ดันไม่มีความคิดอีก
โลกพัฒนาด้วยความคิดครับไม่ใช่ด้วยความรู้
ทุกนวัตกรรมมาจากความคิดที่ใช้ความรู้เป็นฐานในการคิด
ความรู้คือ KNOWLEGE ความคิดคือ IDEA
คนฉลาดคือคนที่มีความคิดครับไม่ใช่คนที่มีความรู้
การศึกษาเราสอนให้รู้อย่างเดียว เลยไม่กล้าคิดกัน
เมื่อไม่กล้าคิด ก็ไม่กล้าพูด
คนที่พูดก็พูดแต่ความรู้ไม่พูดความคิด คงเพราะไม่มีกันมั้งครับ
พอใครทักท้วงก็เป๋ไปต่อไม่ถูก
;)

วันนี้คนไทยก็ยังคุยการเมืองกันไม่ถนัดนะครับ
ต้องหยั่งเสียงดูก่อนว่าอยู่ข้างไหน ซึ่งทำไมต้องเลือกข้างครับ
ใครคุยกับพี่ตู้แล้วปรากฏว่าคุยง่ายดี พี่ตู้ไม่อยู่ข้างพรรคไหนเลย
พี่บอกมันเลวหมดทุกพรรค
แต่พี่ชื่นชมเป็นคนๆไปนะครับไม่เกี่ยวกับพรรค
พรรคเลวก็มีคนดีได้ เพราะเค้ายังไม่เคยเลวเราก็ต้องให้เครดิตเค้าครับ
มนุษย์ทะเลาะกันเพราะดันเลือกพวก โดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่ไม่มีพวกมีเยอะกว่าผู้ที่มีพวก
ผู้ที่ไม่มีพวกจึงมีพวกเยอะกว่าครับ
ผู้ที่เลือกว่าจะเป็นพวกไหน วันใดพวกที่เรางมงายเชิดชูเกิดทำอะไรเลวขึ้นมา
เราก็ต้องบากหน้าแก้ตัวแทนมันอีก
ซึ่งก็ฟังไม่ขึ้นก็ต้องเสียหมาไปตลอดกาล
การไม่มีพวกจึงเป็นลาภอันประเสริฐครับ

8. พี่ตู้เบื่อหน่ายหรือไม่ครับกับการเมืองเก่า ?

เบื่อไม่ได้ครับ
เราเลือกที่จะใช้ระบอบนี้เราต้องแก้จนดีให้ได้ครับ
แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุเลยนะครับ
รากหญ้า พรรค รัฐมนตรี มีแค่ 3 ต้นเหตุเท่านั้น
ซึ่งถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ให้เค้าเลือกคนดีต่อไป
อย่าไปบังคับเค้าให้เปลี่ยนแปลงระบอบที่ไม่เหมาะสมกับเค้าครับจะยิ่งมีปัญหา

ความแตกแยกไม่ได้อยู่ที่พันธมิตรกับรัฐบาลนะครับ
ความคิดครับที่แตกแยก
พวกนึงบอกต้องแก้อย่างงี้ อีกพวกบอกต้องแก้อย่างโง้น
โดยไม่มีใครกล้าแก้ที่ต้นเหตุเลยครับ
พี่ไม่ทราบว่าเพราะอะไร โจรก็เลยยังครองเมือง
เพราะเรามัวเถียงกันว่าจะแก้วิธีไหนดี

ถ้ามันตกลงกันได้ว่าใช้ทุกวิธีเลย
แล้วฝ่ายค้านก็เสนอสภาเพื่อทำประชามตินะครับว่าประชาชนเอาวิธีไหนก่อน
จากนั้นเราก็ทดลองใช้
ถ้าไม่ได้ผลก็เอาวิธีที่คะแนนประชามติมาที่สองมาลองอีก
แล้วก็อันที่สามไปเรื่อย บางวิธีมันใช้พร้อมกันได้นะพี่ว่า
ใครจะจ้างรากหญ้ากาคะแนนให้ฝ่ายโจรก็ไม่ได้
เพราะไม่มีข้อไหนเป็นประโยชน์ของฝ่ายโจรเลยครับ
ใครเสนอวิธีที่โจรได้ประโยชน์เราก็คัดออกโดยเสียงส่วนใหญ่

ของกรรมการประชามติที่พกปืนอาบยาพิษทุกคน

ถ้าใครเห็นด้วยกับหนทางนี้ กรุณาไปบอกพี่ที่ทอล์คโชว์ 26 ตุลา
พี่สัญญาว่าจะเสนอคุณอภิสิทธิ์ให้ในงานบนเวทีเลย
ซึ่งคราวที่แล้วคุณอภิสิทธิ์ก็กรุณาให้เกียรติมารับ
ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณสัตว์เลยบนเวทีเช่นกันครับ

9. ถ้าเราจำเป็นจะต้องมีการเมืองใหม่กันจริงๆ พี่ตู้มองภาพของการเมืองใหม่ว่า ควรจะออกมาเป็นอย่างไรครับ ?

พอเพียงธิปไตย ครับ
ซึ่งพี่ตั้งชื่อไว้เรียกไปงั้นเองเพื่อให้นึกออกว่าพูดถึงอะไร
โดยแก้ที่ต้นเหตุทั้ง 3 ปัญหา
ซึ่งปัญหาวันนี้คือ การโกงกิน ความแตกแยก และ คุณภาพผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ที่มาของปัญหาคือ
:!:
ตำแหน่งรัฐมนตรีทำให้มีสิทธิ์โกง

:!:ระบบพรรคทำให้เกิดการแตกแยก

:!:คนไม่เสียภาษีมีสิทธิ์เลือกตั้งทำให้เลือกชุ่ย


ซึ่งทุกคนเห็นด้วยในสามข้อนี้
ดังนั้น การเมืองใหม่ต้อง
ไม่มี ตำแหน่งรัฐมนตรี
ไม่มี พรรคการเมือง ครับ
ประธานสภา คือ นายก ซึ่งไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายหรืออนุมัติโครงการ
มีหน้าที่รับแขกเมืองอย่างเดียว คือ ความจริงไม่ต้องมีนายกก็ได้ไง
เพราะประเทศเรามีองคมนตรีมีประมุขแล้วนะครับ อย่าทำเป็นลืมกัน


สภา ในระบอบใหม่ควรมีหน้าที่ ตรวจสอบข้าราชการเลว
แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญเลยครับ
ไม่ต้องส่งศาลปกครอง จะได้ไม่ต้อง อุทร ฎีกา
สภาในระบอบใหม่ไม่ต้องตรวจสอบรัฐมนตรีครับ
เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ยกเลิกตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งหมด
ก็ไม่มีการโกงกินในระดับบริหารอีกต่อไป
นักการเมืองเก่าก็จะเลิกเล่นการเมือง เพราะไม่มีโอกาสโกงอีกต่อไป


เมื่อไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี
สภาในระบอบใหม่ก็ตั้ง กรรมาธิการกระทรวง แทน รัฐมนตรี
กระทรวงละ 20 คน มาจากผู้แทนราษฎรในสภาใหม่ที่ห้ามสมาชิกสังกัดพรรค
กรรมาธิการกระทรวงทำหน้าที่แทนรัฐมนตรี
แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายหรืออนุมัติโครงการใดๆ
มีหน้าที่ ผลักดันการทำงานของกระทรวงนั้นๆ
ตรวจสอบข้าราชการในกระทรวงนั้นๆ
ใครจะซื้อกรรมาธิการกระทรวงต้องซื้อกึ่งหนึ่งของ 20 คน
ที่ต่างคนต่างมาไม่ใช่แก๊งเดียวกันมาก่อน
แต่กรรมาธิการกระทรวงก็เปลี่ยนทุก 6 เดือน
เวรกรรม ประเทศนี้มีแต่โจรหรืออย่างไรครับ
จึงต้องตั้งกติกาใหม่เข้มงวดขนาดนี้ จำเป็นครับถ้าจะแก้กันจริงๆ


ลองนึกนะครับว่าถ้าสภาใหม่ไม่มีพรรคการเมือง
เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ห้ามสังกัดพรรค อะไรจะเกิดขึ้น
จะเหมือนยุคทองของประชาธิปไตยสมัยกรีก
ทุกคนเป็นอิสระไม่ต้องขึ้นต่อหัวหน้าพรรค
500 คนก็ 500 ความคิด
ไม่ใช่ 500 คนแต่ 2 ความคิดอย่างวันนี้
เพราะมีแค่ 2 ฝ่ายจาก 2 พรรคใหญ่เท่านั้น ก็แบ่งข้างตีกัน
นอกสภาก็แบ่งตาม ก็วุ่นวาย
สภาใหม่มี 500 ฝ่ายจะแบ่งพวกตีกันยังไง
ซื้อก็ไม่ได้ เพราะเมื่อห้ามมีพรรคการเมือง
คนดีๆที่ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพก็แห่กันลงสมัคร
แย่งเก้าอี้นักการเมืองอาชีพซึ่งก็หนีหมด
เพราะไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีให้โกงกินแล้ว
คนอย่างพี่และท่านผู้อ่านก็จะเข้าสภาได้ด้วยยินดีเพราะไม่ต้องสังกัดพรรคไงครับ
แต่ต้องเข้าไปนั่งกันให้เต็มทุกสมัยนะครับ
ไม่งั้นมันซื้อเสียงเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญคืนจนได้


จะป้องกันการซื้อเสียงอย่างไรล่ะครับทีนี้
เพื่อความถูกต้องและยุติธรรมซะที
กำหนดจำนวนผู้แทนแต่ละจังหวัดมากหรือน้อยตาม
อัตราการเสียภาษีรายได้ ของแต่ละจังหวัด
อยากมีผู้แทนเยอะก็ต้องขยันเสียภาษีแข่งกันทั้งประเทศ
ก็เจริญกันทุกจังหวัด
แต่พี่ว่าคงขี้เกียจเหมือนเดิมแหละครับ มีผู้แทนน้อยก็ช่างมัน
ผู้แทนต่างหากที่เดือดร้อน ประชาชนไม่สนอยู่แล้ว
:lol:
แต่เราสามารถกำจัดนักการเมืองคุณภาพต่ำได้เห็นๆไงครับ

จะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ ทำได้ 2 วิธีครับ
ทำรัฐประหาร แล้วเข้ามาแก้ 3 ข้อนี้แล้วเลือกตั้งด้วยรัฐธรรมนูญใหม่
หรือ ทำประชามติ โดยเสนอ 5 วิธีซึ่งล้วนเป็นวิธีพิฆาตมารทั้งสิ้น
ให้ประชาชนเลือกว่าจะเอาวิธีไหน ไม่ใช่เลือกว่าเอาหรือไม่เอา
:mrgreen:

10. พี่ตู้คิดเห็นยังไงที่มีคนมองว่าพี่เป็นคนที่มีทัศนคติอันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ?

ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติครับ
ความมั่นคงของพวกมันต่างหาก ที่เป็นอันตรายจากทัศนคติของพี่
เพราะพี่ต่อต้าน กุ๊ยยาธิปไตย ไงครับ

ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับพี่ พวกมันก็จะไม่มั่นคง
แต่ประชาชนทั่วไปไม่เห็นด้วยกับพี่หรอกครับ
เค้าคิดว่าเลือกคนดีบ้านเมืองก็เรียบร้อยแล้ว
เรียบร้อยโรงเรียนลูกครึ่งจีนครับ
คนจีนไม่มีอันตรายต่อประเทศเรานะครับ
เค้าขยันทำมาหากิน หาเงินเข้าประเทศเรา เสียภาษีให้เรา
ยกเว้นพวกห้องแถวบางห้องแถวทั่วประเทศเท่านั้นครับ


เราเป็นหนี้บุญคุณคนจีนนะครับ
ตั้งแต่พระเจ้าตากมาจนถึงนักธุรกิจวันนี้

แต่เจ๊กซิ่ครับที่ทำร้ายประเทศเรา
เจ๊กเป็นวรรณะต่ำของจีน
คนจีนที่หนีมาไทยสมัยอยุธยาเค้าหนีเจ๊กมาครับ
วันนี้เจ๊กตามมาแล้ว อยู่เต็มสภาแล้ว
เพราะเจ๊กซื้อเสียงเสี่ยวตอนเลือกตั้ง
คนไทยเจ้าของประเทศก็ร่วมมือกับพี่น้องเชื้อสายจีนขับไล่เจ๊กที่มีเสี่ยวหนุน
เสี่ยวเป็นวรรณะต่ำของลาวครับ
ลาวเป็นผู้ดีเก่ามารยาทงามเหมือนจาวเหนือของไทยเรา
แต่เสี่ยวอพยพหนีคอมมิวนิสลาวมาอาศัยในบ้านเรา
คลอดลูกหลานมีบัตรประชาชน แต่วรรณะไม่ยอมขยับ ขี้เกียจ โง่ อวดดี
คนไทยก็ไม่กล้าว่ากล่าว เพราะเกรงใจ ขี้ขลาดนั่นแหละครับ
มันจึงจะครองประเทศเราอยู่แล้ว
:evil:


เมื่อใดที่พี่น้องเชื้อสายไทยกับจีนจับมือกันขับไล่เจ๊กและเสี่ยวสำเร็จ
ประเทศจะน่าอยู่ทันที
:!:เพราะเหลือแต่ผู้ดีไม่มีจัณฑาลอีกต่อไป

เมื่อมาอาศัยแผ่นดินเขาอยู่ต้องรู้จักเจียมตัว
แต่ถ้าเจ้าของบ้านขี้ขลาดก็สมควรสูญเสียความมั่นคงของชาติครับ
แสดงออกกันซะมั่งพี่ไทย โดยเฉพาะกองทัพน่ะ
ปล่อยพวกมันได้ใจกันใหญ่แล้ว มันรอสมน้ำหน้าเราอยู่นะ
มันมีอาชีพล้มสถาบันนะครับ
เจ๊กล้มกษัตริย์จีน เสี่ยวล้มกษัตริย์ลาว
ไม่รู้มาเสือกอะไรในบ้านเมืองเรากันครับ
:!::!::!:

อังกฤษไล่กุลีออกจากสิงคโปร์หมด
ใครไม่เรียนหนังสือมันถีบตกทะเล ว่ายน้ำมาหาเราอื้อเลย
สิงคโปร์นำเข้ากุลีชั่วคราวระยะสั้น ห้ามคลอดในประเทศ บ้านเมืองเค้าจึงเรียบร้อย
เพราะทุกคนมีการศึกษา ก็ไม่มีใครเลือกโจรเข้าสภาครับ
ไม่ใช่เพราะเค้าไม่มีโจรสมัครรับเลือกตั้งนะครับ เพราะไม่มีใครเลือกมันครับ
หลังๆมันก็เลยไม่สมัครแล้ว เค้าเริ่มอย่างนี้นี่เอง
:mrgreen:

11. พี่ตู้เคยมีความคิดหรือความสนใจที่จะเข้าไปเล่นการเมืองหรือเปล่าครับเพราะอะไร?

ถ้ายังบังคับให้สังกัดพรรค ไม่มีวันครับ
พี่รังเกียจระบบแก๊งครับ ไม่มีอิสระในการแสดงความคิด
ต้องเชื่อฟังหัวหน้าแก๊ง ไม่เห็นมันเป็นประชาธิปไตยตรงไหน
มีหน้าที่ยกมือให้รัฐมนตรีของพรรคโกงกินเท่านั้นครับ ต่ำช้ามาก
:!:
พี่เป็นลูกผู้ดี พี่ยอมไม่ได้จริงๆ หม่อมแม่ต้องเคืองเป็นแน่แท้
นามสกุลพระราชทานไม่สมควรเกลือกกลั้วของโสมม


เมื่อใด ยกเลิกระบบพรรค ยกเลิกรัฐมนตรี
พี่จะเข้าไปรับใช้แผ่นดินทางตรงในสภาครับ
พี่ว่าหลายท่านที่มีความคิดและฝีมือก็ยินดีทำงานให้แผ่นดิน
ภายใต้เงื่อนไขใหม่ของระบอบใหม่ พอเพียงธิปไตย ;)
ที่ไม่มีรัฐมนตรี ไม่มีพรรค ไม่มีผู้แทนของเสี่ยว

แต่ถ้ายังเป็น กุ๊ยยาธิปไตย ไม่มีผู้ดีเล่นด้วยแน่นอนครับ

12. พี่ตู้มองสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันอย่างไรบ้างครับ?

ไม่รอดครับ เพราะเราไม่กล้าคิดนอกกรอบ
เราแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดิมๆ มันก็วนกลับมาให้แก้ใหม่อยู่อย่างนี้ครับ
เราไม่กล้าตัดต้นตอของปัญหา เราไม่กล้าแตกหัก เราไม่กล้าใช้ความเด็ดขาด
แต่พี่ว่าถ้าแกนนำพันธมิตรเด็ดขาดก็อาจไม่มีใครเอาด้วยนะ
เพราะธรรมเนียมไทยไม่นิยมความเด็ดขาด
เมื่อเด็ดขาดไม่ได้ ก็ต้องใช้ความอดทนแทนซิ่ครับ


ซึ่งพี่ไม่มีไง
สุริยใสชวนพี่ พี่ก็ลำบากใจ เพาะพี่แพ้ยุง
ที่สำคัญคือเค้าห้ามพกอาวุธ แต่พี่พกปืนติดตัวตลอดเวลา
เพราะพี่กลัวตายมากจริงๆครับ
พี่แปลกใจที่คนไทยไม่กลัวตายกัน ไม่มีใครพกอาวุธเลย
หรือเค้าคิดว่าชีวิตของเค้าไม่มีค่า
ก็ในเมื่อผู้ร้ายมีอาวุธแล้วทำไมเราจึงจะยอมเสียเปรียบมันครับ
ทุกชีวิตมีค่าครับ แม้จะคิดหลอดไฟฟ้าหรือระบอบใหม่ไม่ได้ก็ตาม
:roll:

อเมริกาสร้างประเทศโดยการ
ติดอาวุธให้พลเมืองดีทุกคนโดยอิสระที่เอวเลย เพราะโจรชุมมาก
มันมาจากพวกกุ๊ยที่มาขุดทองแล้ววืด ก็มาปล้นจี้รังแกชาวบ้าน
กฎหมายก็อนุญาตให้ชาวบ้านพกปืนบ้าง


โจรก็จ๋อย ต้องหันไปปล้นรถไฟ ธนาคาร ที่ปล้นประชาชนมาอีกที
ประชาชนก็ยกให้เป็นวีรบุรุษเพราะช่วยรังแกคนที่รังแกประชาชน
ลูกหลานก็เอาชีวประวัติมาทำเป็นหนัง
:!::?::lol:

พี่น้องพันธมิตรเราวันนี้ก็ไม่ต่างจากวีรบุรุษ เช่น เจสซี่ เจมส หรือ โรบินฮู้ด หรอกครับ
ลูกหลานจะสรรเสริญท่านในวันข้างหน้า
ถ้าท่านแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ฉลาดสำเร็จลุล่วงโดยถาวรนะครับ

พี่ตู้เป็นกำลังใจให้เสมอตั้งแต่แรก บริจาคให้ก็เยอะ
เตรียมอาวุธไว้ให้ตั้งนานจนสนิมขึ้นแล้ว
ความคิดคนเราก็สนิมขึ้นได้นะครับ ถ้าไม่นำมาปฏิบัติซะที

พี่เขียนชื่อน้องโบแปะหน้าประตูห้องแล้วยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
สัญญาน้องว่าจะช่วยพันธมิตรเปลี่ยนระบอบให้สำเร็จ
เพื่อไม่ให้ชีวิตน้องโบสูญเปล่า
น้องโบเตือนพี่ว่า
ระวังจะเหนื่อยเปล่านะ บ้านเมืองดีๆเหมาะสำหรับประชาชนดีๆเท่านั้น
ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ความ ก็ยังไม่ควรเอาบ้านเมืองดีๆไปให้พวกมันใช้
พี่ไม่เถียงกับวิญญาณครับ

13. พี่ตู้มองว่า ทำยังไง ประเทศชาติของเราถึงจะไม่ต้องเดินเข้ามาวงจรเดิมๆ
เช่น ปฏิวัติ เข่นฆ่ากัน ใช้ความรุนแรง ครับ?

ต้องเปลี่ยนประชากรครับ สิงคโปร์ทำสำเร็จนะครับ
โดยอังกฤษไล่ประชากรเดิมออกหมดเลย เอาคนจีนเข้ามาแทน
บังคับให้เรียนหนังสือ ให้เคารพกฎหมาย ลงโทษรุนแรง ได้ผลครับ :!:

พี่เคยเห็นภาพเก่าๆของสิงคโปร์ ผู้คนหน้าตาไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ครับ
เป็นชาวเกาะ ขี้เกียจ ขนาดเป็นภาพนิ่งยังดูรู้เลยว่าขี้เกียจมากครับ
พี่เดินบนถนน ORCHARD เห็นกุลีไทยทำงานก่อสร้างที่นั่น
ตะโกนทักทายพี่ ดีใจเจอดารา ทำท่าบาบูนกันใหญ่
เพื่อนสิงคโปร์ถามพี่ว่า เป็นกันอย่างงี้ทั้งประเทศเหรอ
พี่อายเค้านะ พี่บอกเค้าว่าเป็นเฉพาะในภูมิภาคกับในสภา
ซึ่งพี่บอกว่าพี่ภูมิใจที่กุลีไทยแสดงออกน่ารักเหมือนลิง
เนื่องจากพี่รักสัตว์เพราะพี่เป็นนายกสมาคมพิทักษ์สัตว์
เพื่อนเลยพาไปกินข้าวที่ GOLDEN MILE ซึ่งเป็นที่สิงสู่ของกุลีไทย

พี่ก็ได้ถามทุกข์สุขพวกเราเรื่องไหลตาย
เค้าเล่าให้พี่ฟังว่าวิญญาณชาวเกาะสิงคโปร์เข้าสิง
หวงบ้านเมือง จึงเข่นฆ่าพวกต่างด้าว
:?::D
แต่ก็ไม่เห็นพวกอังกฤษสมัยยึดครองโดนวิญญาณฆ่าตอนหลับเลยครับ
ที่สำคัญคือเป็นเฉพาะกุลีชาย :!:
พี่ก็ซักไซ้ละเอียดจนได้ความว่านอนหงายแล้วลิ้นตกปิดเพดานกั้นทางหายใจ
ซึ่งในคนปกติจะสะดุ้งตื่นโดยสัญชาติญาณอัตโนมัติ
แต่พี่น้องกุลีไทยเมาสลบเพราะกินเหล้าหนักก่อนนอน
ร่างกายไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ก็ขาดใจกันไป
ไม่ใช่อย่างที่หมอสันนิฐานว่าหุงข้าวในท่อพีวีซีแล้วรับสารพิษเข้าร่างกาย
พี่จึงแนะนำน้องๆกุลีไทยทั้งหลายให้แก้ไขโดยการนอนตะแคง
เค้าบอกว่าไม่ถนัด เพราะติดโหนกแก้ม
ก็จริงของเค้านะ เพราะพี่ก็ไม่เคยเห็นบาบูนนอนตะแคง
บาบูนแก้ปัญหาไม่เป็น เพราะไม่ยอมเรียน

ทั้งๆที่รัฐก็ให้เรียนฟรีด้วยซ้ำ อ้างโน่นอ้างนี่ ก็ขี้เกียจนั่นแหละ :!:

อังกฤษไม่ยอมให้สิงคโปร์เลี้ยงคนที่สร้างแต่ปัญหาและแก้ปัญหาไม่เป็นไว้บนเกาะเลยครับ
ถ้าเราไม่อยากเจอวงจรเดิมๆทางการเมือง
เราต้องกำจัดเผ่าพันธุ์ที่สร้างปัญหาและแก้ไม่เป็นครับ
นักการเมืองที่มีปัญหาใบเหลืองใบแดงมาจากเขตไหน
ก็ให้เขตนั้นพักการเลือกตั้ง 5 ปี ไม่ต้องมีผู้แทนครับ
จะมาอ้างว่าต้องมีผู้แทนไว้ดูแลพื้นที่ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ผู้แทนต้องดูแลพื้นที่ครับ
ประชาชนในประเทศที่จะเป็นประชาธิปไตยได้ต้องดูแลตัวเองได้
ไม่ใช่กินผ้าห่มแล้วมาแบมือขอทุกปี


ผู้แทนทั่วโลกเค้าทำหน้าที่นิติบัญญัติพิจารณากฎหมายแก้ปัญหาให้ประเทศครับ
หน้าที่ดูแลท้องที่เป็นเรื่องของมหาดไท นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีงบอยู่แล้ว

ไม่ต้องมาตั้งงบซ้อนเพื่อสวาปาม
เราเป็นประชาธิปไตยไม่ได้เพราะมีพวกนี้อยู่ในประเทศครับ
พวกที่กินผ้าห่มทุกปี น้ำท่วมสลับน้ำแล้ง
น้ำท่วมเราก็ต้องช่วย น้ำแล้งเราก็ต้องช่วยอีก
เพราะเก็บน้ำไว้ใช้กันไม่เป็น