Pineapple TH-PH

Done

Tuesday, February 19, 2008

ชนะอุปสรรคได้ ด้วยใจตน

ดารบุษป์ ปภาพจน์ : darabusp@primavest.com

ในช่วงที่แวดวงการลงทุนกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจกับความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก หลายท่านอาจลืมสังเกตข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในหน้าข่าวต่างประเทศ ที่กล่าวถึงการสูญเสียบุคคลสำคัญคนหนึ่งของโลก นั่นคือ เซอร์ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ กลุ่มแรกของโลก ในปี 1953 ร่วมกับเทนซิง นอร์เกย์ ชาวเนปาล เมื่อเช้ามืดของวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 88 ปี

สิ่งที่ท่านเซอร์ ฝากไว้มิใช่เพียงรอยเท้ารอยแรกบนยอดเขาเอเวอร์เรสต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ตลอดชีวิตของท่าน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวเนปาลที่ยากไร้ ข่าวนี้ทำให้ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านบทความชิ้นหนึ่ง ที่กล่าวเปรียบเทียบ "การลงทุน และการปีนเขา" ไว้อย่างน่าสนใจ บทความชิ้นนี้เขียนโดย Jeff Howard, CFP ที่ปรึกษาการลงทุนอิสระ ซึ่งขอถอดความมาบางส่วนให้เหมาะสมกับเนื้อที่ดังนี้ค่ะ

1) จงเริ่มต้นอย่างมี "เป้าหมาย" เสมอ

ไม่มีใครตัดสินใจที่จะปีนเขาขนาดใหญ่ โดยเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ปกติแล้วก่อนที่จะปีนเขาลูกใดนั้น ผู้ปีนต้องวางแผนและเตรียมพร้อมที่จะรับอุปสรรค และความลำบากใดๆ ที่จะเกิดขึ้น (ลองนึกย้อนถึงตอนปีนภูกระดึง สมัยวัยรุ่นดูก็ได้ค่ะ) เริ่มตั้งแต่ต้องปีนเขาลูกไหน ต้องใช้เส้นทางใด ต้องเตรียมอาหารไปมากแค่ไหน ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ซึ่งการลงทุนก็ไม่แตกต่างกันค่ะ คือเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายระยะยาว และสร้างพอร์ตการลงทุนเพื่อให้ตนเองถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ การเก็บเงินโดยไม่มีระยะเวลา ไม่มีเป้าหมายจะทำให้เราหมดกำลังใจเลิกเก็บเงินก่อนที่จะไปถึงไหน เป้าหมายของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนอาจต้องการยืนบนยอดเขา แต่บางคนขอเพียงสูงแค่ชะง่อนผาแรกก็เพียงพอกับความต้องการแล้ว

2) มีความ "ยืดหยุ่น"

ในการไต่เขานั้น ผู้ปีนควรมีความยืดหยุ่นกับเป้าหมาย และเส้นทาง รวมถึงด้านจิตใจด้วย สภาพอากาศ หิมะ เส้นทางที่เป็นไปได้ ความพร้อมของร่างกาย ฯลฯ ล้วนมีผลต่อสิ่งที่เราจะทำได้ หรือทำไม่ได้ระหว่างเส้นทางทั้งสิ้น ซึ่งก็คือ "ความไม่แน่นอน" นั่นเอง การลงทุนเป็นเกมของความน่าจะเป็น ซึ่งมาพร้อมกับความไม่แน่นอน ดังนั้น อย่ากลัวที่จะปรับเป้าหมาย เส้นทาง หรือการลงทุนที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย หากเงื่อนไขเปลี่ยนไปด้วยเหตุส่วนตัว หรือสภาวะตลาดก็ตาม

3) การถึง "เป้าหมาย" มิอาจเป็นไปได้หากปราศจาก "ความเสี่ยง"

ภูเขาขนาดใหญ่มีความเสี่ยงอยู่รอบตัว บ้างก็เป็นความเสี่ยงเล็กน้อย (เช่น ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย หรือความเสี่ยงที่มากอย่างการตกเขา เป็นต้น - ผู้เขียน) ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการบรรลุเป้าหมายทั้งสิ้น โดยหากเราเลือกเส้นทางที่เสี่ยงมาก ก็ต้องใช้วิธีปีนหน้าผาสูงชัน แต่ถ้าเลือกเส้นทางที่เสี่ยงน้อย ก็ต้องเสียเวลามากมายกว่าจะถึงเป้าหมาย

ดังนั้น จึงควรหาเส้นทาง พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงที่เหมาะสม สำหรับการลงทุนแล้ว "ความเสี่ยง เป็นเรื่องที่จำเป็น แต่ความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น ควรที่จะหลีกเลี่ยง" หากพบว่าทางข้างหน้าน่ากลัวเกินไป จงถอยหลังกลับ และหาเส้นทางใหม่ ในที่นี้ความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองกระทำมีความสำคัญมากกว่าความเร็ว กระบวนการตัดสินใจก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

4) หนทางผ่านมีทั้ง "ขาขึ้น" และ "ขาลง"

การปีนเขาที่ระดับความสูงมากๆ นั้น เต็มไปด้วยการ "ปีนขึ้น" และ "ไต่ลง" เป็นจำนวนมากกว่าจะถึงจุดหมาย เพื่อให้ร่างกายชินกับสภาวะอากาศที่มีออกซิเจนในระดับต่ำ บางครั้งต้องเป็นอย่างนี้เป็นวันๆ (หรือเป็นอาทิตย์สำหรับเอเวอร์เรสต์) นับเป็นเรื่องที่สาหัสสำหรับจิตใจเป็นอย่างมาก และต้องการวินัยทางใจบวกกับความอดทนอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่แตกต่างอะไรกับการลงทุน อย่ายอมให้ความผันผวนของตลาดมาเบี่ยงเบนคุณไปจากเป้าหมาย ความอดทนและความยึดมั่นกับกระบวนการตัดสินใจลงทุนเท่านั้นที่จะนำคุณไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ในที่สุดค่ะ

Friday, February 15, 2008

หนึ่งภาพ แทนคำ ล้านคำพูด


From: kantiwat pankao [mailto:kantiwat_pan@TCRSS.COM]
Sent: Thursday, February 14, 2008 3:40 PM
To: anucha pankao; Aon (E-mail); P'กร (E-mail); Prach (E-mail); พี่ตี๋ (E-mail)
Subject: FW: หนึ่งภาพ แทนคำ ล้านคำพูด

หนึ่งภาพ  แทนคำ  ล้านคำพูด
หนึ่งใบ   ยายพูด  
พร่ำบอกหลาน
หนึ่งเรียน     ให้รู้     จึงอยู่นาน
หนึ่งคน    ถึงกาล
    ย่อมโรยลา

....อัฐนี้    ยาย อด    เจ้าจึงอิ่ม
ยามนี้    
 เจ้าอิ่ม      จงเร่งหา
เรียนนี้      ให้รู้      รอบปัญญา
แต่นี้
   ภายหน้า        เป็นคนดี

Happy Valentine Day

Wednesday, February 13, 2008

อ่านแล้วจะรู้ว่านี่มันคือที่สุดแห่งที่สุด (อ่านกี่ครั้งก้อซึ้ง)

เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...

' ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ'
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..
  เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ .....................อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ .....................
  กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว
  ** เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
  และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
  ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป
  หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
  เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
' พวกเด็กตัวโต .. พวกมันล้อผมว่า
..
-- ไอ้ตัวประหลาด--'
  จนกระทั่ง....................... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น
...
  แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
  ' ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก' แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
  พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
' ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้' คุณหมอกล่าว
  จนกระทั่ง ...................... 2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
' ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู
  ที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ'
 
การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
  .... เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น
  ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต
  วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า.
  ' พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด'
  ' พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก.
เรื่องนี้......................เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว'
พ่อตอบ..   หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ
  และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย  
แม่เค้าได้เสียชีวิตลง.
  เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่
  พ่อเรียกเค้า..
' มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่'
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
  ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ
  ... และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
... ใบหูของแม่...หายไป!..
  แม่ไม่มีใบหู...
' นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต'..
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย
  ' แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ...................... ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..
  แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย ?
- - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -
  จงจำไว้..   ~ สิ่งมีค่า......................ที่แท้จริง ~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~ สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น ~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
  ~ ความรัก..ที่แท้จริง ~
  ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
  หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
  ~ ความรัก ~
  บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
  หากแต่อยู่ที่....การกระทำ. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
  เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..
  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
  ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..
  บริษัท..
สามารถหาคนมาแทนเราได้
ภายในไม่กี่วัน..
  แต่ครอบครัวเรา..
ต้องสูญเสีย..
และคิดถึงเรา..ไปตลอด
  เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน
มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า ?
  ถ้ามากกว่า...
ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ..

ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

                                  จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
                             จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
                           จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
                               เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
                                    เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
                              ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
                                                     จงเชื่อในรักแรกพบ
                          อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
        เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
                              ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
                                           อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
                                                 จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
                      ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
                    จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
                                     พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
                                    เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย

                                                        จงจำ 3 R :

นับถือผู้อื่น -Respect others นับถือตนเอง - Respect yourself รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ Responsibilities
                     จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
                                       ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
                               จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
                                         จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
                                 ส่งต่อข้อความนี้ไป 4 คน ชีวิตของคุณจะดีขึ้น
                         5-9 คน ชีวิตคุณจะดีอย่างใจปรารถนา 9-14 คน คุณจะได้รับความ
                                      ประหลาดใจภายใน 3 สัปดาห์
                 15 คนขึ้นไปชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีและสิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะก่อรูปก่อร่าง

Friday, February 8, 2008

กฎแห่งหรรม

กฏแห่งกรรม


http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
     
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต  
     
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก  
     
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม  
     
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี  
     
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย  
     
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า  
     
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า    
     
เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง  
     
เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก  
     
เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
     
เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย  
     
เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา  
     
ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด
http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/fashi19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม    
     
คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า   

Creative [is] power : ​รู้จัก​ ​กัมบาริยะ​ (เจ้านักสู้) - ​ชีวิตจริงนักเรียนทุนญี่ปุ่น

​หลัง​จาก​เรารับรู้​ถึง​ความ​กระตือรือร้นของ​ผู้​ประกอบการวัยรุ่นยุ​โรป​ ​ที่หมาย​ความ​ถึง​การ​ "ลด​ ​ละ​ ​เลิก​ ​พึ่งพา​" ​จาก​อเมริกา​ ​จน​ถึง​ความ​หลุดโลกของนักธุรกิจคลื่น​ใหม่​ของอเมริกาที่ทำ​ให้​กิจกรรมบนถนน​เป็น​ธุรกิจขึ้นมา​ได้​

​ทุกครั้งที่อ่านข้อมูลของต่างประ​เทศ​ ​มักนึก​ถึง​คนไทยที่​จะ​นำ​มา​เป็น​กรณีศึกษา​เสมอ​ ​ใน​ที่สุดการ​ค้น​หาสิ้นสุดลง​ ​หลัง​จาก​ได้​ติดต่อพูดคุย​ ​โดย​มีตัวตั้ง​ไว้​ว่า​ ​ผู้​เป็น​กรณีศึกษา​นั้น​ ​จะ​ต้อง​เป็น​ตัวอย่างที่ดี​ ​เป็น​พลังสร้างสรรค์​ให้​กับ​สังคมไทย​ใน​ระยะยาว​ ​มี​ความ​สามารถ​ใน​การเปล่งแสงของตัวเอง​ ​ตลอดจน​เป็น​ตัวแทนแห่ง​ความ​เปลี่ยนแปลง​

​กรณีศึกษาคนไทยนี้​ ​เป็น​คน​ 2 ​รุ่น​ ​คือ​ ​รุ่น​ใหญ่​วัยขึ้นต้น​ด้วย​เลข​ 4 ​ที่ชีวิต​เขา​คง​ไม่​ได้​เพิ่งเริ่มต้นที่​เลข​ 4 ​แน่นอน​ ​เพราะ​ชีวิต​เขา​เริ่มต้นฝ่าฟันมาตั้งแต่มีอณูชีวิตขึ้นมาก็ว่า​ได้​

​ส่วน​รุ่น​เล็ก​เป็น​กลุ่มเด็กหนุ่มวัยเลขขึ้นต้น​ด้วย​เลข​ 2 ​พวก​เขา​มา​กัน​เป็น​ทีม​ ​พร้อม​ความ​หวังยิ่ง​ใหญ่​ที่น่าสนใจ​ ​และ​พวก​เขา​ทำ​ได้​!!!

​งั้นมารู้จัก​กับ​กรณีศึกษารุ่น​ใหญ่​กัน​ก่อน​ ​ไม่​น่า​เชื่อว่า​ ​หนึ่ง​ใน​กรณีศึกษา​จะ​วางโพสิชั่นตัวเอง​ไว้​ที่ระบบราชการ​ ​เขา​เป็น​อาจารย์ของคณะวิทยาศาสตร์​และ​เทคโนโลยี​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ​ก่อนก้าวข้ามแดน​เข้า​มารับตำ​แหน่ง​ผู้​อำ​นวยการสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา​ ​ใน​พระราชูปถัมภ์สมเด็จพระ​เทพรัตนราชสุดาฯ​ ​สยามบรมราชกุมารี​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ​ศูนย์รังสิต​

​เขา​คือ​ ​รศ​.​ดร​.​สมชาย​ ​ชคตระการ​ ​ผู้​ได้​รับฉายา​ ​กัมบาริยะ​ ​หรือ​เจ้านักสู้​ (Gambariya) ​มา​จาก​อาจารย์ชาวญี่ปุ่น​

​เพราะ​อะ​ไรน่ะ​หรือ​! ​นั่นสิ​ ​น่า​ค้น​หา​ ​เรื่องราวของ​เขา​ ​ช่างปลุกเร้าจิตใจ​และ​ได้​อารมณ์​ ​เป็น​อัศจรรย์ของชีวิตที่​สามารถ​สร้างบทหนังเรื่องหนึ่งเลยก็ว่า​ได้​

....​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​การ​ใช้​ชีวิต​ 10 ​ปี​ ​ที่ญี่ปุ่น​ (พ​.​ศ​. 2527-2537) ​ด้วย​การ​ "​เรียนแบบพลีชีพ" ​และ​ความ​เร็ว​ ​(​ใน​การ​ใช้​ชีวิต) ​ที่​ต้อง​เร็ว​กว่าคนญี่ปุ่น​

​ด​.​ช​.​สมชาย​ ​เกิดที่จังหวัดระยอง​ ​ก่อน​จะ​มีชีวิตพลิกผันมี​ "​เจ้า​โอกาส" ​มาวิ่งชน​

​เขา​เปิดเผยว่า​ ​เป็น​โอกาสเพียง​ "ครั้งแรก​และ​ครั้งเดียว​ใน​ชีวิต" ​โดย​ได้​รับทุน​จาก​รัฐบาลญี่ปุ่น​ (ทุน​ Monbusho) ​เป็น​เวลา​ 2 ​ปีครึ่ง​ ​ใน​การเรียนที่​ Junior college of Tokyo University of agriculture ​และ​เมื่อทุนกำ​ลัง​จะ​หมดลง​ ​ชีวิตลำ​บาก​อยู่​แล้ว​ ​ก็​ต้อง​ดิ้นรนเพื่อ​ให้​ได้​ทุนเรียนระดับปริญญาตรีต่อ​ให้​ได้​ ​และ​ใน​ที่สุด​เขา​ก็​ได้​พบ​กับ​ ​อาจารย์นิชิกาวะ​ ​ผู้​ละทิ้งทรัพย์สิน​ทั้ง​หมด​ ​แล้ว​นำ​มา​เป็น​ทุนการศึกษา​ให้​กับ​นักศึกษาจนๆ​ (Nishigawa Chikusan Foundation) ​คนที่​ ​ดร​.​สมชาย​ ​เรียก​เขา​ว่า​ ​พ่อ​ ​และ​คนคนนี้​เองส่งผล​ให้​ ​รศ​.​ดร​.​สมชาย​ ​ชคตระการ​ ​ใน​วันนี้​ ​เป็น​ดังตัวแทนของบุคคล​ผู้​มี​ความ​สัมพันธ์อันดี​กับ​ญี่ปุ่น​ ​ใน​โอกาสครบ​ความ​สัมพันธ์​ 120 ​ปี​ไทย​-​ญี่ปุ่น​

​หลัง​จาก​ได้​รับทุนการศึกษา​เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาตรี​ ​เขา​ยัง​สามารถ​พิชิตรางวัลวิทยานิพนธ์ดี​เด่น​ ​ซึ่ง​ถือ​เป็น​นักเรียนต่างชาติคนแรกที่​ได้​รับรางวัลนี้​ ​หลัง​จาก​นั้น​ยัง​ได้​ทุนเรียน​ทั้ง​โท​และ​เอก​ ​ต่ออีก​ ​จาก​ Tokyo University of agriculture

​เมื่อเรียนจบปริญญา​เอก​ ​ดร​.​สมชาย​ ​ปฏิ​เสธงานค่าตอบแทนสูงลิ่วที่ญี่ปุ่น​ ​เพราะ​ตั้งใจกลับมา​เป็น​ครู​ ​เพราะ​เขา​เชื่อว่าประ​เทศที่ดี​ ​ต้อง​มีครูที่ทุ่มเท​ ​สิ่ง​นั้น​เป็น​สิ่งที่อาจารย์ญี่ปุ่นปลูกฝัง​โดย​การปฏิบัติ​ให้​ลูกศิษย์​เห็น​

​วันนี้​เขา​จึง​มุ่งมั่นสร้างคน​ ​สร้างดอกเตอร์ผ่านสายสัมพันธ์อันดี​ไทย​-​ญี่ปุ่น​ ​จนบัดนี้มีดอกเตอร์ที่กำ​ลัง​จะ​จบ​จาก​ญี่ปุ่น​ ​ทยอย​กัน​กลับมารับ​ใช้​ประ​เทศผ่านการประสานงานของ​เขา​ ​ตลอดจนการแลกเปลี่ยนนักศึกษา​ ​และ​การส่งนักศึกษา​ไปดูงาน​

​เขา​ไม่​ย่อท้อ​ใน​การทำ​ความ​ดี​ ​และ​ไม่​รีรอการข้ามเขตแดนอย่างเท่​ ​กับ​อาจารย์สอนเทคโนโลยีการเกษตรสู่​ ​ผู้​บริหารสถาบันเอเชียตะวันออกฯ​ ​ซึ่ง​เป็น​สถาบันวิจัย​ ​และ​เดินหน้าประสานงาน​กับ​หน่วยงานภายนอก​โดย​ลบเส้นแบ่งว่า​ "งานราชการ​ ​ต้อง​ทำ​ตัวแบบราชการ"

​ตอนนี้​ ​กัมบาริยะ​ ​เจ้านักสู้​ ​กำ​ลังมีภารกิจ​ใหญ่​หลวง​ ​เป็น​ทั้ง​เรือจ้างฝีพาย​ ​คนคัดท้าย​ ​ถือ​เป็น​ผู้​บริหารคนรุ่น​ใหม่​ไฟแรงที่บอกว่า​ ​การไปญี่ปุ่น​เป็น​ประสบการณ์ที่​เขา​มี​เพื่อน​ ​มีสายสัมพันธ์​ ​ซึ่ง​แตกต่าง​จาก​บางคนที่จับกลุ่มแต่​กับ​ชาวไทย​ ​และ​ไม่​ได้​ความ​เป็น​เพื่อน​จาก​ชาวญี่ปุ่นกลับมา​เลย​

​รวม​ถึง​คำ​สอน​จาก​ ​อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่ว่า​ "ญี่ปุ่น​ไม่​ได้​มีอะ​ไรเลย​ ​พวก​เขา​ต้อง​กอบกู้ประ​เทศขึ้นมา​จาก​ซากสงคราม​ ​แต่สิ่งเดียวที่ญี่ปุ่นมี​และ​มีมาก​ด้วย​คือ​ ​ทรัพยากรบุคคล​ ​เป็น​ทรัพยากรบุคคลที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประ​เทศจนขึ้นมา​อยู่​แถวหน้า​ใน​โลก"

​สู้ต่อไป​ ​กัมบาริยะ​ !!@