Pineapple TH-PH

Done

Monday, March 24, 2008

อุธาหรณ์สำหรับ AE : ศพนั่งทำงานนาน 5 วัน

ตอนแรกที่อ่านเรื่อง ศพนั่งทำงานนาน 5 วัน โดยเพื่อนร่วมงานไม่รู้ (เรื่องจริงจากนิวยอร์ค)

ที่ Forward มานี้นี้ ไม่ค่อยสนใจ ดูเป็นเรื่องโจ๊ก และไกลตัว

แต่พอเจอ Case ของแฟนตัวเองแล้ว เลยอยาก Share ให้ฟังกันค่ะ

ก็รู้... รู้... กันทุกคนนะว่า Sweet Heart ของพี่เอเป็นชายชาติทหารชื่อพี่เนียน อายุเพิ่งจะ 40 ปี

ชีวิตประจำวันของพี่เค้าเป็นดังนี้ค่ะ

-           เช้าตื่นตี 5 กว่าๆ อาบน้ำ แต่งตัว ขับรถจากบ้าน (พุทธมณฑลสาย 4) มาส่งพี่เอที่ปูนฯ

-           ขับรถกลับไปทำงานที่กรมอู่

-           นั่งทำงานที่โต๊ะ จนเย็น การขยับตัวก็คือไปห้องน้ำ และพักทานกลางวัน

-           เลิกงานกลับมารับพี่เอที่ปูนฯ และขับรถกลับบ้านที่พุทธมณฑลสาย 4 จะถึงบ้านประมาณทุ่มนึงทุกวัน

-           ไม่ทานข้าวเย็น นั่งทำงานต่อ จนถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตี 2 ทุกวัน (เรียนโทอยู่เลยมีทั้งงานที่ทำงานและงานเรียนผสมปนเปไป)

-           ทำอย่างนี้ทุกวันทั้งสัปดาห์

-           เสาร์และอาทิตย์ก็ตื่นเช้าขับรถไปเรียนที่ ม.เกษตร กลับมาตอนเย็น นั่งอ่านหนังสือทำงานต่อเหมือนเดิม

ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี เช็คร่างกายทุกปี....ระวังอาหารการกินมากๆๆๆ...ไม่กินของมัน...ไม่กินของที่ไม่มีประโยชน์

อยู่ดีๆ วันนึงก็บอกว่าหายใจได้ไม่ทั่วท้อง  รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลทหารเรือแทบจะไม่ทัน...ตัวเหลือง....เริ่มชาไปหมดทั้งแขน และเริ่มขยับริมฝีปากไม่ได้.....

หายใจไม่ออก....คุณหมอต้องสั่งให้ออกซิเจนด่วน นอนโรงพยาบาลอยู่ 2 อาทิตย์

....ปัจจุบันดีขึ้นแล้วค่ะ และที่ท้ายรถพี่เค้ามีถังออกซิเจนพกอยู่ตลอดเผื่อฉุกเฉิน….

สรุปโรคที่คุณหมอบอกก็คือ

-           โรค Economy Class Cindome (เขียนอย่างงี้รึเปล่าก็ไม่รู้) คือโรคที่เกิดจากพฤติกรรมนั่งทำงานนานๆ + เครียด

Case ที่พบมากๆ ก็พวกที่ขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ เพราะเป็นการนั่งในท่าเดิมโดยไม่การขยับเป็นเวลานานๆ เช่นพวกที่นั่งเครื่องบิน 10 กว่าชั่วโมงขึ้นไป เป็นประจำ

-           พักผ่อนน้อย

-           ไม่ออกกำลังกาย....

-           อาการของโรคของพี่เนียน : มีลิ่มเลือดไปเกาะที่เล้นเลือดหล่อเลี้ยงระหว่างปอดกับหัวใจ แต่โรคนี้ลิ่มเลือดอาจเกาะที่อื่นๆก็ได้ เช่น สมอง หรือเกาะที่หัวใจเลย

ซึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นได้ไม่สะดวก ร่างกายก็จะได้รับอกซิเจนไม่เพียงพอ...

-           วิธีแก้ : ฉีดยา- กินยาสลายลิ่มเลือด, ผ่าตัด, บัลลูน (หัวใจ) หรืออื่นๆ.....

-           ....ถึงเวลาที่เราต้องลุกจากโต๊ะ แล้วไปออกกำลังกายกันรึยังล่ะจ๊ะ….

-           ...ชีวิตประจำวันน้องๆ ต่างจากพี่เค้ารึเปล่าเอ่ย..

พี่เอเอง

พี่ๆ และน้องๆ

นำไปเป็นนิทานอ่านเล่นเตือนใจเวลาเราทำงานหนักนะคะ


 ศพนั่งทำงานนาน 5 วัน โดยเพื่อนร่วมงานไม่รู้ (เรื่องจริงจากนิวยอร์ค)
 
จอร์จ นักพิสูจน์อักษร วัย 51 ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ค ทำ
อาชีพนี้มานาน 30 ปี
 
ปกติจอร์จจะมาทำงานคนแรก กลับคนสุดท้ายเสมอ
 
เพื่อนร่วมงานชินกับความที่เป็นคนพูดน้อย เก็บตัว
 
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันหนึ่ง ๆ เขาจะนั่งทำงานเงียบ ๆ หรือไม่ได้พูดกับ
ใครเลยทั้งวัน
 
วันหนึ่ง เขาหัวใจวายและนั่งตายเงียบๆคนเดียวที่โต๊ะทำงาน
 
ทั้งๆ ที่ออฟฟิศเป็นห้องโถง นั่งรวมกัน 23 คน โดยไม่มีใครสังเกต หรือให้ความสนใจ
เพื่อนร่วมงานอีก 22 คนจึงไม่มีใครทราบว่า ได้นั่งทำงานร่วมกับศพเป็นเวลา 5 วัน
 
จนกระทั่งเช้าวันเสาร์ คนทำความสะอาด อดที่จะเอ่ยถามศพของจอร์จไม่ได้ว่า
 
ทำไมเขายังต้องทำงาน ทั้งๆที่เป็นวันหยุด
 
แพทย์ชัณสูตรแล้วพบว่า จอร์จตายตั้งแต่วันจันทร์
 
ก่อนตายจอร์จกำลังพิสูจน์อักษรต้นฉบับตำราแพทย์เล่มหนึ่ง

 
นิทานเรื่องนี้สอนว่า ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากหรอก
 
เพราะถึงตายคาโต๊ะ  ก็ไม่มีใครสนเอ็งอยู่ดีแหละ

 OK
งั้นกลับบ้านแล้วนะ

Good Things

 

Tuesday, March 18, 2008

ปรับตัวรับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกผันผวน เร่งออมเงิน และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รวมถึงการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนมากว่าการบริโภคเพื่อความสุข

นักวิชาการแนะคนไทยปรับตัวรับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกผันผวน เร่งออมเงิน และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รวมถึงการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนมากว่าการบริโภคเพื่อความสุข ระบุวิกฤตเศรษฐกิจเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยทุกอย่างจะไม่เลวร้ายจนเกินไป หากคนใช้ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว
       
       นายวรากรณ์ สามโกเศศ ผู้เชี่ยวชาญสาขาเศรษฐศาสตร์และกรรมการสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวในงานบรรยายเรื่อง "คนไทยจะอยู่อย่างไรในสภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจปัจจุบัน"ว่า ในยุคปัจจุบันนี้รายได้ของประชาชนในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่สินค้ากลับแพงขึ้นมากจากภาวะเงินเฟ้อ โดยหากเปรียบเทียบแล้วเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเหมือนจะเลวร้ายกว่าการ ถูกโจรปล้นร้อยครั้ง เนื่องจากมีผลกระทบกับทุกคนภายในประเทศ
       
       "เงินที่เก็บไว้มีค่าลดลง โดยประเทศอื่น เช่นอเมริกาใต้ได้เคยเกิดภาวะนี้เช่นกัน แต่มีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 400-500% เป็นเหตุให้ข้าวของแพงขึ้น 5 เท่าตัว โดยในประเทศไทยยังถือว่าไม่โชคร้ายขนาดนั้น ของเรา 5% เราก็ร้องโอ๊กแล้ว"นายวรากรณ์กล่าว
       
       ทั้งนี้ การมองปัญหาในปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องพิจารณาก่อนว่าเป็นปัญหาใหญ่หรือเล็ก เพราะว่าปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นตลอดเวลาและเป็นเรื่องที่วนเวียนไปมา ไม่มีทางอยู่คงที่เหมือนชีวิตคน โดยไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่มีปัญหาชีวิต และวิกฤติเศรษฐกิจน่าจะเป็นเรื่องไม่ใหญ่นักเพราะเกิดขึ้นตลอดเวลา ฉะนั้นการที่เราคิดอย่างไรพฤติกรรมเราก็จะเป็นเช่นนั้น เหมือนอย่างหนังสือชื่อเดอะซีเคล็ด เป็นหนังสือขายดีติดอันดับโลกได้ก็เพราะเคล็ดลับของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว โดยเมื่อเราคิดอย่างไร เราก็จะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาหาตัว ถ้าเราคิดเรื่องร้าย สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นกับตัวเรา เช่นเราคิดว่าเราแข็งแรงเราก็จะแข็งแรงเป็นต้น
       
       สำหรับการปรับตัวของคนไทยในปัจจุบันควรที่จะต้องอยู่ให้ต่ำกว่าฐานะ เพราะว่าของแพงขึ้นอย่างน้อย 5% ซึ่งหากเราใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงอนาคตแล้ว จะเสียโอกาสในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการทำกำไร และค่าเสื่อมราคาหากนำไปบริโภคในสินทรัพย์ที่ต้องหักลบค่าเสื่อมออกไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีเงินพอที่ผ่อนรถยนต์ราคา 9 แสนบาท ถ้าคิดรวมดอกเบี้ย ราคาจะรถยนต์จะเป็นล้านกว่าบาท พอผ่อนหมด 3 ปี รถยนต์ราคาเหลือ 7 แสน หายไป 4 แสนบาท แต่ถ้าซื้อรถมือสอง ราคา 2 แสนบาท จะมีเงินเหลือไปดาวน์คอนโดมิเนียม เอาค่าเช่ามาผ่อน อีก 10 ปี ทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และเป็นเครื่องปั๊มเงินในอนาคต ทำให้เเราต้องเสียโอกาสทำรายได้เพิ่ม
       
       นายวรากรณ์ กล่าวอีกว่า แนวทางการออมที่เห็นว่าเหมาะสมน่าจะเป็นการซื้อกองทุนรวม ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นแทนท่าน สามารถนำส่วนนี้มาลดหย่อนภาษี รัฐยอมให้หักภาษีได้ถึง 500,000 บาท จะทำให้มีเงินลงทุนในอนาคต หรืออาจซื้อกองทุนพันธบัตรรัฐบาล
       
       "คนไทยต้องออมมากกว่าเดิม การออมคือการสร้างฐานะในอนาคตการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียม เราอาจเอาค่าเช่ามาผ่อน ควรซื้อที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว และมีคนอยู่คึกคัก ซื้อปุ๊บจะได้มีคนเช่าปั๊บ อย่าไปซื้อที่อยู่บนแผ่นกระดาษ เพราะมันอาจจะเป็นแผ่นกระดาษไปชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อมีเงินออม ถ้าไปลงทุนต้องระวังมากกว่าเดิม อย่าทำอะไรที่โลดโผนเพราะว่ามันผันผวนได้ง่าย"นายวรากรณ์กล่าว
       
       ทั้งนี้ การอยู่อย่างพอเพียงก็จะทำให้มีความสุข วอร์เรน บัฟเฟต เศรษฐีอันดับ 1 ของโลก อยู่ในบ้านหลังเดิมมา 30 ปี โดยไม่มีโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ที่บ้าน ไม่มีเครื่องบินส่วนตัว ทั้งที่เขาขายเครื่องบิน เขาบอกว่าทำไมต้องเปลี่ยนบ้านเพราะมีความสุขอยู่แล้ว ถ้าไม่คาดหวังเกินไป ก็จะมีความสุข ถ้าทำอะไรให้ใครแล้วคาดหวัง แค่คาดหวังก็ผิดตั้งแต่คิดแล้ว
       
       นายวรากรณ์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจโลกขณะนี้เกิดปัญหาเกือบทุกภูมิภาค เนื่องจากอำนาจซื้อส่วนใหญ่จะมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อเกิดปัญหาว่างงานในสหรัฐอเมริกาทำให้กำลังซื้อหดหายไป ประเทศอื่นๆด รวมถึงไทยจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
       
       "อเมริกาจงใจทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนเพื่อที่จะขายสินค้าได้ ผู้ส่งออกของเราก็ได้รับผลกระทบเพราะค่าเงินบาทแข็ง ขายสินค้าได้ยาก เมื่อได้เงินมา แลกเป็นเงินไทยก็ได้น้อย ตรงข้ามกับปัญหาเมื่อ 10 ปีก่อน ที่เงินบาทอ่อน ดอลล่าร์ละ 50 บาท ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่าจะมีปัญหาดอลล่าร์ถูกเกินไป ราคาน้ำมันก็ขึ้น ทำให้ข้าวของแพง ปีนี้เป็นปีที่ข้าวมีราคาแพง เนื่องจากจีนและญี่ปุ่นกว้านซื้อข้าวเหนียวไปหมักทำเหล้า เมื่อข้าวมีราคาดีเราควรดีใจเพราะเกษตรกรเราได้ประโยชน์หลังจากที่ข้าวราคา ตกต่ำมานาน"นายวรากรณ์กล่าว
       
       ทั้งนี้ การเมืองถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเศรษฐกิจเกิดความผันผวน เพราะการเมืองส่งผลต่อการคาดคะเนของคน ยกตัวอย่างเช่น คนสิงคโปร์เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยมั่นคง เพราะเชื่อว่าจะควบคุมได้โดยใครคนหนึ่ง แต่คนฮ่องกงกลับมองว่า การเมืองไทยมีปัญหาทำให้ราคาหุ้นตกต่ำ

คมวาทะเจ้าสัว (อ่านถึงตอนจบแล้วจะรู้ว่าความหมายคือ...)

******** คมวาทะเจ้าสัว  ********


เมื่อคุณจะทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม
หากคุณชอบและรัก
 และพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับมัน
คุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
แต่คุณต้องลงมือศึกษาอย่างเป็นจริงเป็นจังด้วย

"
ชัยยุทธ กรรณสูต "
-----------------------------------------------------------  


อย่าลืมว่า
ในการประกอบธุรกิจ เก่งอย่างเดียวไม่ได้
  ต้องเฮงด้วย
และเก่งกับเฮงก็ใช้ไม่ได้แล้วในสมัยนี้
ต้องมีสายสัมพันธุ์ทางธุรกิจด้วย

และเรื่องนี้ผมก็สอนลูก ๆ
  ผมอยู่เสมอ
"
อุเทน เตชะไพบูลย์ "
-----------------------------------------------------------  


ผมบอกพนักงานอยู่เสมอ
คือในโลกนี้
 ไม่มีคนไหนเก่งไปตลอดกาล
วันนี้คุณอาจเก่ง แต่พรุ่งนี้
 อาจมีคนเก่งกว่าคุณ
เพราะฉะนั้น คนใดก็ตามที่ภูมิใจว่า
  ตนเองเก่ง
จงจำเอาไว้ได้เลยว่า
  ความหายนะใกล้มาถึงตัวคุณแล้ว
ความโง่คืบคลานมาใกล้ตัวคุณแล้ว

 " ธนินท์ เจียรวนนท์ "
-----------------------------------------------------------  


ผมพร้อมจะเป็นน้ำนิ่ง อาจมีเขื่อนมาขวางหน้า
แต่ถ้าวันใด
  ที่เขื่อนนั้นเปราะบาง และโอกาสแห่งการสำแดงพลังมาถึง
ผมก็พร้อมจะกลายเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก
โหมกระหน่ำใส่ทุกสิ่งที่ขวางกั้น
แม้กระทั่งเขื่อนที่ครั้งหนึ่งผมเคยสยบยอมก็ตาม

"
เจริญ สิริวัฒนภักดี "
-----------------------------------------------------------  


ผมจะก้าวหน้าไปสักก้าว ก็ต้องเจออะไรมากระทบ
แต่เราก็พยายามที่จะก้าวใหม่ อีกอย่างหนึ่ง
แบงค์กรุงเทพฯเคยถูกกระทบตลอดเวลา
  และไม่เคยท้อถอย
"
ชาตรี โสภณพนิช "
-----------------------------------------------------------  


เจี้ย ยู่ เล้ง โจ้ว ซื่อ ยู่ โฮ้
แปลเป็นไทยได้ความว่า
กินข้าวต้องเร็วเหมือนมังกร
 ทำงานต้องทำให้เหมือนเสือ
และก็ไม่แต่ผมคนเดียวเท่านั้น
ลูกๆ
 ทุกคนก็ปฏิบัติอย่างนี้
"
บุญยสิทธิ์ โชควัฒนา "
-----------------------------------------------------------  


ถ้าคุณอดทน เพื่อจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
คุณจำเป็นอย่างมากที่จะต้องลงมือศึกษาเรื่องนั้นๆ
  อย่างเป็นจริงเป็นจัง
แต่ถ้าคุณไม่อดทน
  โอกาสที่คุณจะผิดพลาดก็ย่อมมีสูงเช่นกัน
"
อนันต์ กาญจนพาสน์ "
-----------------------------------------------------------  


จงเดินไปหาภูเขา อย่าให้ภูเขาเดินมาหาเรา
เพราะผมคิดว่า
  ปกติผู้บริหารทั่วไป มักจะเรียกพนักงานมาประชุมกับเรา
มันเหมือนเราย้ายพนักงานทั้งกองทัพมาหาเรา
แต่สำหรับผมผมจะเดินไปหาเขา
ผมบอกลูกน้องของผมว่า
เราต้องเดินไปหาลูกค้า
  อย่าให้ลูกค้ามาหาเรา
"
พรเทพ พรประภา "
-----------------------------------------------------------  


ในเรื่องของการพิจารณา ความดีความชอบ
ผมจะฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นหลักว่า
ลูกน้องแต่ละคนทำงานลงไปแล้ว
ลูกค้าพอใจแค่ไหนอย่างไร
 ผมจะไม่เชื่อหัวหน้าอย่างเดียว
เพราะถ้าเกิดหัวหน้าบางคนไม่ชอบลูกน้อง
อาจเกิดกรณีหัวหน้าแกล้งลูกน้องได้

"
ประกิต อภิสารธนรักษ์ "
-----------------------------------------------------------  


ผมมีหลักของอาจารย์ที่สอนผมอย่างหนึ่งว่า
มนุษย์เกิดมาไม่มีใครเก่งที่สุด ดีที่สุด
หรือแม้แต่เลวที่สุด
เพราะคนที่ดีสุดและเลวที่สุด
ได้ตายจากโลกนี้นานแล้ว

คนที่เหลืออยู่จึงเป็นเพียง
  ชีวิตที่มีขึ้นมีลงอย่างเดียว
"
ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ "
-----------------------------------------------------------  


ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม

คุณต้องศึกษาให้รู้แจ้งเสียก่อน
  ก่อนที่จะลงมือทำ
และเมื่อลงมือทำแล้ว ก็ต้องทำให้จริงๆ จังๆ
ให้มันรู้ไปเลยว่า
  เราทำไม่ไหวแล้ว
"
ชวน ตั้งมติธรรม "
-----------------------------------------------------------  


มีหลักในการบริหารงาน ไม่กี่ประการ

1.
ต้องลับคมอยู่เสมอ
2.
ไม่กลัวงาน เมื่อคิดจะทำอะไรต้องทำทันที   และ
3.
ต้องรักษาคำพูด
"
คุณหญิงชนัตถ์ ปิยะอุย "
-----------------------------------------------------------


เวลามีปัญหาในองค์กร ปัญหาชีวิตและสุขภาพ
จะมีทางแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายหลายรูปแบบ
แต่ที่สำคัญต้องมีสติ
 และมีความรักเป็นพื้นฐานสำคัญ
จากนั้นจึงค่อยใช้ปัญญา
 เพราะปัญญาช่วยให้มองเห็นหนทาง
ของการแก้ปัญหาอย่างชัดเจนที่สุด

"
ชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ "
-----------------------------------------------------------  


1.
จงเผชิญกับความจริงอย่างที่เป็นอยู่  มิใช่อย่างที่คุณอยากเป็น
2.
จริงใจกับทุกคน
3.
อย่าเป็นแค่นักบริหารแต่จงออกไปนำทัพ
4.
จงเปลี่ยนแปลงก่อนที่เหตุการณ์จะบังคับให้ต้องเปลี่ยน
5.
ถ้าท่านไม่มีจุดแข็ง   หรือข้อได้เปรียบจงอย่าแข่งกับเขา
6.
จงคุมชะตาด้วยตนเองมิฉะนั้น  ผู้อื่นจะมาคุมแทน
"
ท่านผู้หญิงนิรมล   สุริยสัตย์ "
-----------------------------------------------------------


ในการทำงานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง
  หรือนายจ้าง
ควรจะรับฟังความคิดของผู้ร่วมงานเสมอ
การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
คือเป็นการเพิ่มประสบการณ์อื่นเป็นความรู้
นอกเหนือจากที่ได้รับมาจากการเอาเปรียบผู้อื่น
ไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง

"
โพธิ์พงษ์ ล่ำซำ "
-----------------------------------------------------------  

ที่ชอบเป็นพิเศษ คือคำพูดของซุนวู่
ที่บอกว่า รู้เขา รู้เรา
 รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ผมฟังปุ๊บ รู้สึกประทับใจทันที
และเข้าใจว่า คนเราถ้าอยู่ใกล้ใคร
 มักอยากเป็นแบบนั้น
ตอนนั้นจำได้ว่าผมอยากเป็นนักเขียนมาก
 แต่ที่ได้รับคำแนะนำ
ว่าถ้าคุณอยากเขียนหนังสือจงเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณรู้ก่อนเป็นอันดับแรก

"
อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ "
-----------------------------------------------------------  


ก่อนจะขึ้นปีใหม่ขอฝากเรื่องให้อ่านเล่น ๆ อีก
 1 เรื่อง
เคยอ่านเจอในหนังสืออยู่เล่มนึง
มีอยู่ว่า


ชาวนาจีนแก่ ๆ คนหนึ่งเดินไปตามถนน
บนบ่ามีไม้พาดอยู่
และที่ปลายไม้นั้นก็มีหม้อดินใส่แกงจืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้
 

ขณะที่เดินไปเขาเกิดสะดุดก้อนหิน
และหม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้นแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป
 โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาหา
แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
"นี่ ๆ พ่อเฒ่า  
ท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น
"
ชายชราหันไปตอบว่า
" ฉันรู้   ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่"
ผู้อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
 " อ้าว
แล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ
"
สีหน้าของผู้เฒ่ายังเป็นปกติขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า

"
ก็หม้อดินมันแตกแล้ว  แกงจืดก็ไม่เหลือ แล้วจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ"
พูดจบชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิต

ก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

วันวานนี้สิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว

ทุก ๆ วันคือจุดเริ่มต้นใหม่
เรียนทักษะของการลืมอดีต
  แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ.

Photo of the Year: Friendship, teamwork, and love defined in a single photo.......

Friendship, teamwork, and love defined in a single photo.......

Wednesday, March 12, 2008

Really A Good story - worth reading

เธอตาบอด
เธอเกลียดต้วเอง เกลียดทุกคน เพียงเพราะเธอตาบอด
ยกเว้นแฟนหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ
เธอจะแต่งงานกับแฟนของเธอ ถ้าเธอมองเห็น เธอบอก
แล้วเธอก็มองเห็น ด้วยดวงตาที่มีผู้บริจาคให้
เธอได้พบกับแฟนของอีกครั้ง แต่เธอต้องตกใจที่พบว่า
แฟนของเธอ ก็ตาบอดเหมือนเธอ
เธอปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเขาเพราะเขาตาบอด
แฟนหนุ่มจากไป เขาส่งจดหมายให้เธอ ข้อความว่า
" โปรดดูแลดวงตาของผมให้ดีด้วย "

Monday, March 3, 2008

ธรรมะ เพื่อความรุ่งเรือง

ธรรม เพื่อความรุ่งเรือง

J
  ตักบาตรพระล้านครั้ง   ไม่เท่ายื่นอาหารให้พ่อแม่เพียงครั้งเดียว
J
  ความดีของลูก   คือความสุขของพ่อแม่   ความเลวของลูก   คือความทุกข์ของพ่อแม่
J
  หลงผัว   หลงเมีย   จนลืมพ่อแม่   นับว่าแย่มาก
J
  อยากรวย   ให้ทำงาน   อยากสวยให้รักษาศีล   อยากดี   ให้หมั่นเจริญภาวนา
J
  คนฉลาด   กำลังทำงาน   ส่วนคนโง่   กำลังดูฤกษ์ยาม
J
  หนึ่งวินาที   คบบัณฑิต   ดีกว่าหนึ่งปี   คบคนพาล
J
  อย่าประมาทเมื่อพบงานง่าย   อย่าท้อใจเมื่อพบงานยาก
J
  ถ่อมตนคนรัก   อวดนักคนชัง(อวดดี...ไม่ใช่การอวดที่ดี)
J
  เสริมเสน่ห์ตนเองด้วยรอยยิ้ม   ดีกว่าคอยพึ่งพิงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
J
  ไม่ควรไว้ใจในคนที่ชอบทำบาป  ( ถ้าทำบาปแลกบุญ   จะขาดทุนร่ำไป)
J
  คนจนยิ่งจน   เพราะทำรวย   คนรวยยิ่งรวย   เพราะทำจน
J
  เรายอมแพ้คน   เพื่อเอาชนะกิเลส   ดีกว่ายอมแพ้กิเลส   เพื่อเอาชนะคน
J
  ยามไปซื้อของ   อย่าอวดเงินทองให้ใครเห็น
J
  คำสรรเสริญควรให้ไป   คำติชม   ควรเก็บไว้เพื่อส่องตน
J
  ระวัง   อย่าให้สูญเสียคนดี   เพราะคนชั่วแทนที่ไม่ได้
J
  คนโง่   แสวงหาพระเครื่อง   ผู้ฉลาด แสวงหาพระธรรม
J
  มารยาทงามนี่แหละ   จะพลอยทำให้วาสนาดี
J
  เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้   ดีกว่าพี่น้องในไส้ที่อยู่ไกล
J
  ประดับกายด้วยความดี   มีราศีกว่าประดับเพชร
J
  กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม   คือค่านิยมที่ผิด
J
  ความร่ำรวยหากขอกันได้   โลกนี้ก็คงจะไม่มีคนจน
J
  ทรัพย์เกิดไม่ได้   ด้วยเพียงแต่ใจคิดฝัน
J
  ตัวอย่างที่ดี   มีค่ามากกว่าคำสอน   การปฏิบัติดี   มีค่ามากกว่าการขอพร
J
  คนขยันคือคนโชคดี   ความขยันจึงเป็นพรอันประเสริฐ
J
  ถึงแม้การเลือกเกิดเราจะไม่มีสิทธิ์   แต่การเลือกทางชีวิตเป็นสิทธิ์ของเรา
J
  แสวงหาลาภจากการงาน   ดีกว่าบนบานบวงสรวง
J
  อย่าเชื่อคนโดยไร้คิด   อย่าหลงมิตรเพียงคำยอ
J
  ที่ทำดีไม่ได้ดี   เพราะทำดียังไม่มากพอ  ( ทำดีวันละนิด   ดีกว่าคิดว่าจะทำ)
J
  เมื่อมีคำขอโทษ   ความโกรธย่อมจางเร็ว
J
  วาจาอ่อนหวานลูกหลานใกล้ชิด   วาจาเป็นพิษญาติมิตรห่างไกล
J
  กินเพื่ออิ่ม   ก็จะมีปัญหาน้อย   แต่ถ้ากินเพื่ออร่อย   ก็จะมีปัญหามาก