Pineapple TH-PH

Done

Thursday, May 29, 2008

7 วิธีที่จะช่วยให้ชีวิตมีความสุข

7 วิธีชีวิตมีสุข"

มนุษย์เราทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่ดี และมีความสุข แต่ในปัจจุบันมนุษย์ยิ่งนำชีวิตเข้าสู่หนทางแห่งความทุกข์มากขึ้น เพราะการอยากได้ใคร่มี

ดังนั้นจึงได้เป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ทั้งนี้กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอนำ "เคล็ดลับแห่งความสุขเบื้องต้น" มาบอกกล่าวกัน

1. ต้องรู้จักการ เป็น "ผู้ให้"

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ ความรู้ น้ำใจ ข้อแนะนำ หรือสิ่งอื่นใดก็ได้ที่เป็นประโยชน์ ต่อผู้รับ พระพุทธเจ้าบอกว่า "ผู้ให้ ย่อมผูกไมตรีไว้ได้" นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เป็น "ผู้ให้" ย่อมสร้างไมตรีให้เกิดขึ้นในใจของผู้รับ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี และเป็นมิตรต่อกัน

2. กัลยาณมิตร การมีเพื่อนที่ดี

ย่อมทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ดั่งในยุทธจักรเขาว่า "ท่ามกลางลมหนาวและพายุร้าย หากที่นั่นมีสหาย ทั้งหมดจะกลายเป็นลมหายใจอันอบอุ่น ที่ซึ่งมีมิตรแท้ จักอบอุ่นและเจิดจ้าตลอดกาล"

3. ดำรงชีวิตแบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

คือ รู้จักความเพียงพอ อย่าตกเป็นทาสของลัทธิบริโภคนิยม ที่ต้องวิ่งตามโลกไม่ได้หยุดได้หย่อน ดั่งในยุทธจักรเขาบอกว่า "ในโลกนี้ก็มีแต่คนที่รู้จักพอ จึงสามารถได้ลิ้มรสความเบิกบานที่แท้จริง"

4. อย่าหวังมากเกินไป

จงตั้ง "ความหวัง" ในสิ่งที่เป็นไปได้ และไม่ยากจนเกินความสามารถของเรา และหากไม่ได้ดังหวังก็ต้องหัด "ปลง" เสียบ้าง ในยุทธภพจึงสอนว่า "คนผู้หนึ่งขอเพียงปลงได้ตก ในโลกก็ไม่มีเรื่องใดควรคู่ให้ปวดร้าวกลัดกลุ้มอีก"

5. ละ ความโกรธ เกลียด ลงบ้าง

ให้ใช้หลักเมตตา และให้อภัย โดยเฉพาะกับคน หรือสัตว์ หรือหากยังทำใจเมตตาไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้ "วางเฉย" คิดเสมอว่าอย่าให้สิ่งเหล่านี้ มามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา

6. รักและพอใจงานที่ทำ

เพราะมันเป็นส่วนสำคัญ และกินเวลาเกือบครึ่งค่อนของชีวิตของเรา หากเราไม่ "รักงาน" ของเราแล้ว ชีวิตที่เหลือคงเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น และเราก็ต้องจมปลักไปกับความเบื่อที่ยาวนาน

7. ทำตน "ใฝ่รู้" อยู่เสมอ

เช่น อ่านหนังสือทุกชนิด เรียนคอมพิวเตอร์ อบรมภาษา ฯลฯ เพราะจะทำให้เราไม่ล้าสมัย หรือตกยุค แต่จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา ไม่เป็นคนอมทุกข์ เหงาหงอย เพราะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เข้ากับใครก็ได้
เคล็ดลับแห่งความสุขข้างต้น เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยาก แต่เคล็ดลับของเคล็ดลับก็คือ ความตั้งใจที่จะเริ่มปฏิบัติตามกฎ มิฉะนั้นแล้ว ความสุขที่เราปรารถนา ก็ยังจะเป็นทุกข์ที่เราเรียกหามันอยู่ทุกวันนั่นแล

Monday, May 19, 2008

เกลือ และ น้ำ สุนทรพจน์ของ“เจอรี่ ซักเกอร์” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของผลงาน “Ghost”

'เกลือ' และ 'น้ำ'
 
สุนทรพจน์ของ"เจอรี่ ซักเกอร์" ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของผลงาน "Ghost"
"ซักเกอร์" กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ที่เขาเรียนจบมา
เขาบอกว่าคงไม่มีอาจารย์คนไหนจะเชื่อว่าวันหนึ่งเขาได้รับเชิญมากล่าวสุนทรพจน์ในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย
เพราะไมมีใครคิดว่าเขาจะประสบผลสำเร็จในชีวิต
"ผมรู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ผมไม่เคยเสียเวลาไปกับความพยายามที่จะเป็นสิ่งที่คนอื่นมองว่าผมควรจะเป็น"

"ซักเกอร์" มีกฎแห่งความสำเร็จ 5 ข้อมาแนะนำ
"กฎที่คุณจะลืมอย่างรวดเร็ว แต่ในอีกหลายปีให้หลัง คุณจะเตะตัวเองที่ไม่ทำตาม"


กฎข้อที่หนึ่ง อย่าคิดถึงอนาคตของคุณ
           "ซักเกอร์" นั้นทำงานในวงการบันเทิงที่ทุกคนรอ "The next big thing" ที่ยังมาไม่ถึง
           "ไม่ว่าความฝันคุณจะเป็นจริงหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อย่าเสียเวลาไปกับการนอนหลับ จงออกไปตามหาความฝัน"


กฎข้อสอง อย่าทำอะไรก็ตามที่อีก 30 ปีต่อไปคุณจะมองกลับมาแล้วพูดว่า
           "โอ้ พระเจ้า ฉันทำแบบนี้ลงไปได้อย่างไร"
            "ซักเกอร์" บอกว่าเขาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยปราศจากทักษะใด ๆ ที่จะหางานได้
           แต่เขาเลือกทำงานที่เขารัก
           "ถ้าคุณมีความฝัน นี่คือ เวลาที่จะไล่ตามมัน"


กฎข้อสาม "ซักเกอร์" เรียกมันว่า "กฎของคุณยายซูบัตสกี"
           คุณยายซูบัตสกี เป็นเพื่อนบ้านของ "ซักเกอร์"
           วันหนึ่ง ไฟไหม้บ้านของเขา ขณะที่นักดับเพลิงกำลังลากสายยาง
           และเริ่มต่อบันไดเหล็กเพื่อที่จะพาดมันที่ผนังตามขั้นตอนที่ฝึกมา
           คุณยายซูบัตสกี ที่กำลังซักผ้าอยู่ที่ระเบียงบ้าน
           มองเห็นนักดับเพลิงกำลังพะวงกับการต่อบันไดเหล็ก
           เธอรีบตะโกนบอกนักดับเพลิงว่า "ลืมบันไดซะแล้วเอาสายยางฉีดน้ำใส่ไฟเลย"
           นักดับเพลิงลังเลนิดนึงก่อนที่จะทำตาม
           เพียงแค่ 40 วินาที เขาก็สามารถดับไฟที่ไหม้หลังคาบ้านลงได้
           จากเหตุการณ์นี้ "ซักเกอร์" บอกว่ามันได้สอนเขา 2 เรื่อง
           เรื่องแรก อย่าคิดว่าทุกคนรู้วิธีทำงานเพียงเพราะเป็นงานของเขา
           เรื่องที่สอง อย่ายอมถูกข่มขวัญด้วยมืออาชีพในเครื่องแบบของเขา
           ดังนั้นเมื่อ "ซักเกอร์" เข้าสู่วงการภาพยนตร์ที่เขาไม่รู้จักใครเลย
           เขาจึงทำแบบเดียวกับ "คุณยายซูบัตสกี"
           "ผมนั่งบนระเบียบดูคนอื่นทำงาน แล้วพูดว่า ผมมีไอเดียวดีกว่าแล้วลงมือทำ"
           เขาแนะนำนักศึกษาว่าถ้าใครมีไอเดียที่ดี มีแผนที่มีเหตุผล และมีวิสัยทัศน์
           "อย่ายอมให้มืออาชีพหรือเครื่องแบบของเขาหยุดยั้งพวกคุณจากการบอกใครก็ตาม
           ว่าเขาควรจะหันสายยางไปทางไหน"
           ....จงเชื่อมั่นในตัวของเราเอง


กฎข้อสี่ ถ้าจะล้มเหลวก็ล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีวันสร้างความแตกต่างได้เลย
           "ซักเกอร์" บอกว่าอุปสรรคที่สำคัญที่สุดก็คือความกลัวที่จะถูกคนฉีกหน้า กลัวว่าจะอับอายหรือถูกหัวเราะเยาะ
           เขาเล่าถึงวันที่เขาล้มเหลวจากหนังเรื่องหนึ่งและนั่งกินพายปรับทุกข์กับเพื่อนร่วมงานในร้านกาแฟ
           ถึงความอับอายที่ถูกนักวิจารณ์สับหนังเรื่องนี้เสียเละ
           "จอห์น ทราโวลต้า" เดินเข้ามาในร้าน
           "ซักเกอร์" ระบายความอัดอั้นตันใจให้ "ทราโวลต้า" ฟัง
           "ทราโวลต้า" ยิ้มแล้วบอกว่าสิ่งที่ทุกคนต้องจำไว้ก็คือไม่มีใครหมกมุ่นหรือสนใจในความล้มเหลวครั้งนี้เท่ากับพวกเขา
           "สำหรับคนอื่น คุณเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนจอเรดาร์ ดังนั้น จงลืมเรื่องนี้ไปเสีย" ก่อนจะตบท้ายเรียกรอยยิ้ม
           "ว่าแต่คุณจะกินพายชิ้นนั้นให้หมดหรือเปล่า"
           ไม่มีใครสนใจเรื่องของเราเท่ากับตัวเรา
           ดังนั้น ทุกครั้งที่ "ซักเกอร์" ประสบความล้มเหลว
           สิ่งที่เขาทำก็คือเดินออกไปซื้อพายแอปเปิ้ลมากินแล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป


กฎข้อสุดท้าย จงรักคนอื่นให้เป็น เพราะถ้าเรารักใครเป็นมันจะทำให้เรามีความสุขมากกว่าสิ่งอื่น ๆ ที่ทำในชีวิต

"ซักเกอร์" ให้จินตนาการว่าถ้าโลกทั้งใบเหมือนกับแก้วใส่น้ำใบใหญ่
มีเกลืออยู่ในแก้วเล็กน้อย
น้ำในแก้วจึงมีรสเค็ม
วิธีการแก้รสเค็มในน้ำมันมีอยู่ 2 ทาง
ทางแรก คือ พยายามหยิบเม็ดเกลือออก หรือ ทางที่สอง เติมน้ำลงไปเพื่อให้ความเค็มเจือจางลง


"ซักเกอร์" บอกว่าเมื่อวันที่ทุกคนเริ่มออกเดินทาง จะเจอสิ่งที่ไม่ชอบมากมาย
ความพยายามที่จะกำจัดสิ่งที่เราไม่ชอบนั้นเป็นเรื่องยาก
หนทางที่ดีกว่าคือพยายามเติมความรักให้มากขึ้นเรื่อย ๆ
"ความรักเป็นสิ่งเดียวที่คุณให้ไปมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีมันมากขึ้นเท่านั้น"

ผมนึกเปรียบเทียบกับ "ปัญหา" ในการทำงาน
"ปัญหา" ก็เหมือน "เม็ดเกลือ"
ไม่มีทางที่เราจะกำจัดปัญหาออกจากชีวิตเราได้หมด
การแก้รสเค็มในชีวิต ก็คือ ต้องพยายามเพิ่มความสุขและความสนุกในการทำงาน
เราไม่สามารถทำให้ "ปัญหา" หมดไปไม่ได้
แต่เราทำให้มันเจือจางลงได้
และสุดท้าย "ซักเกอร์" บอกว่า "ความสำเร็จ" ในชีวิตนั้น
"อย่าวัดตัวเองด้วยความสำเร็จของคุณ แต่จงวัดมันด้วยความสุขของผู้คนรอบตัวคุณ"
เพราะถ้าคุณทำให้คนรอบตัวคุณมีความสุข เมื่อนั้น คุณจะทำอะไรก็ได้
ไปไหนก็ได้
และล้มเหลวเรื่องอะไรก็ได้
แฮ่ม....แต่อย่าบ่อย

ฝึกออกกำลังใจ

ฝึกออกกำลังใจ ในวันแรงใจแห่งโลก
 
เคยคิดไหมว่า หัวใจ คนเราเหนื่อยแค่ไหน
24 ชั่วโมงไม่เคยหยุดพัก
ไม่เคยมีวันหยุดสุดสัปดาห์
ไม่เคยมีวันลาพักร้อน

ถ้าร่างกายคนเราเปรียบได้กับบริษัท
หัวใจ ก็คือพนักงานดีเด่น
ไม่เคยลากิจกับเจ้านาย
ไม่เคยมาสายแล้วกลับก่อน
ไม่เคยอู้นอนในเวลางาน
แม้จะเจ็บไข้ หัวใจ ก็ไม่เคยลาป่วย

มันยังคงทำหน้าที่ของพนักงานที่ดี
ไม่บกพร่องต่อหน้าที่ของพนักงานที่ดี
ไม่บกพร่องกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
แม้บางครั้งหัวใจจะอ่อนแรง
ก็ไม่เคยย่อท้อที่จะหยุดเต้น

อาจมีหวั่นไหวบ้างสั่นบ้างก็อย่างว่า
หัวใจ ....ไม่ใช่เครื่องจักรกล
แม้จะอยากหยุดพักอย่างเครื่องจักรบ้างก็คงทำไม่ได้
เพราะสิ่งที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านาย
เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และไม่มีภารกิจไหนในโลกเทียบเท่า

ตราบใดที่ หัวใจ ยังมีแรงเต้น
หัวใจ ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันจนถึงที่สุด
แม้จะ เพลียใจ แค่ไหนก็ยังไหว
แม้จะ เหนื่อยใจ แค่ไหนก็ไม่บ่น

ทุกสิ่งในโลกล้วนมีอายุขัย
หัวใจ ก็มีอายุขัยไม่ต่างกัน
ทุกสิ่งในโลกล้วนต้องการการดูแล เอาใจใส่
หัวใจ ก็ไม่ต่างอะไรกัน
หมั่นเติมเต็ม กำลังใจ ให้กับเขา 

การเติมเต็ม กำลังใจ ก็เท่ากับเพิ่ม แรงใจ อย่างท่วมท้น
หัวใจ จะได้มีแรงขับเคลื่อน
พร้อมที่จะทำหน้าที่ของมันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

หัด ถนอมใจ ลูกน้องที่ดีแบบนี้บ้าง
อย่าให้เขาต้อง เหนื่อยใจ ไปกว่านี้
และที่สำคัญ อย่าลืมเติมความรักลงไปบ่อยๆ
หัวใจ จะได้กระชุ่มกระชวย

การพาเขาไปทำความรู้จักกับ หัวใจ ดวงอื่นที่เขา พอใจ บ้าง
อาจทำให้เขา สุขใจ ก็เป็นได้
อาจทำ ให้ใจ ที่อ่อนแรงกลับมาเต้นเป็นจังหวะแร็พเริงร่า
แต่คุณไม่ต้อง ตกใจ เพราะนั่นคือการออก กำลังใจ ให้กับตัวเขาเอง
เป็นการได้เติม พลังใจ ที่วิเศษสุด
เป็นประสิทธิภาพเยี่ยมยิ่งกว่าพลังงานใดๆ ในโลก
เราเรียกมันว่า "พลังรัก"
พลังรัก คือ รางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่
ที่พนักงานดีเด่นอย่าง หัวใจ ควรได้รับ
 
วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานแห่งชาติ อาจได้หยุดพักกาย
แต่ตราบที่ยังมีลมหายใจ หัวใจไม่เคยหยุดเต้น มันยังคงทำงานในทุก ๆ วัน
จะดีไหม..ที่เราควรทำให้ทุกวันเป็นวันแรงใจแห่งโลก

ออกกำลังกาย ได้แรงกาย
ออกกำลังใจ ได้แรงใจ


ฝึกให้ใจได้ออกกำลัง เสริมแรงให้ใจแกร่ง
ด้วยสติ สมาธิ เติมพลังแห่งรัก
คุ้นชินในการคิดบวก ลบขยะ(ทางอารมณ์)จากใจบ้าง

โปรดใส่ใจชาจ์ตแบตฯ ในใจคุณเอง ก่อนที่แรงใจจะอ่อนล้า เกินกว่าจะเต้นไหว

ความพอดีของชีวิต

ความพอดีของชีวิต
 
คนทุกคนมีความทะเยอทะยานเหมือนกันหมด...
หากต่างกันก็คงเพียงแค่...ใครจะมากใครจะน้อยกว่ากันเท่านั้น...

ความทะเยอทะยานที่ว่าน่าจะหมายถึง...
ความคิดที่อยากจะนำพาชีวิตไปสู่จุดที่สูงที่สุด...ดีที่สุด
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่

บางครั้งความทะเยอทะยานที่ว่า ก็กลายเป็นกิเลส
ที่ทำให้คนเราอยากได้อยากมี
เมื่อได้แล้ว เมื่อมีแล้ว ก็อยากได้ อยากมีอีก ไม่มีความพอดีในชีวิต

ไม่มีคำว่าดีที่สุด...อะไร ๆ ก็ไม่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตเสียที...

แทนที่ความทะเยอทะยาน จะช่วยเป็นแรงขับให้ชีวิตเดินทางไปถึงเป้าหมาย..
เป็นยานพาหนะ ที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จของชีวิต...

กลับกลายเป็นหอกที่คอยทิ่มแทง ชีวิตให้ทุกข์ทรมาน
ให้เจ็บปวด ให้ชีวิตต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา...
เพราะความอยากที่คอยจะทะยานอย่างไม่มีที่หยุด

ลองย้อนกลับไปมองต้นทุนของชีวิตคนเรา...

แท้จริงแล้วเราก็ตัวเปล่าเล่าเปลือยมาตั้งแต่เกิด
สิ่งที่ติดตัวมาก็เป็นเพียงวัตถุนอกกาย ที่สักวันก็ต้องสูญสลายหายไป
หรือตัวเราเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายจากลาวัตถุเหล่านั้น
โดยไม่มีวันกลับมาชื่นชมมันอีก

หากเราไม่ยึดติดอยู่กับความสะดวกสบาย...
และไม่ยึดติดอยู่กับจำนวนเงินตราที่เราต้องหามาเพิ่มมากขึ้น ๆ ทุกวัน ...

จนทำให้เราหลงคิดว่า...สิ่งเหล่านี้จะบันดาลให้เราเป็นพระเจ้าได้
ทำให้เราอยู่เหนือคนอื่นและทำให้เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่...

เราจะค้นพบว่าจริง ๆ แล้วเราก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ที่มีความสุขในชีวิตได้ ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายได้...
ทานอาหารแต่ละมื้อ ได้อย่างอิ่มหนำสำราญ
มีเวลาได้ดูหนังดี ๆ มีโอกาสฟังเพลงเพราะ ๆ
มีห้วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก ได้ทำอะไรดี ๆ แก่เขา
ได้สังสรรค์กับครอบครัว ทำให้คนในครอบครัวมีความสุข
และไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยการวิ่ง วิ่งและก็วิ่งเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ

หากวันนี้เราต้องเหนื่อยกับการวิ่งอยู่ตลอดเวลา
ลองแวะพักเพื่อให้ตัวเองได้ชื่นชมสิ่งต่าง ๆ เสียบ้าง
เราจะได้มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น

ไม่ต้องกังวลและเป็นทุกข์เป็นร้อน
ที่จะต้องรีบไปให้ถึงปลายทาง..
ปล่อยใจเพลิดเพลิน ไปกับการหาความสุขของชีวิตจะดีกว่า

เมื่อเรามีความสุขแล้ว เราก็จะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่
เมื่อเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ เราก็จะเห็นตัวตนของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น...

มีความสนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น
เมื่อนั้นเราก็จะได้ไม่ต้อง วิ่ง วิ่ง วิ่งให้เหนื่อยแรง
และทุกข์อก ทุกข์ใจเหมือนที่เคยเป็นมา...

"ความรักจะสมบูรณ์แบบได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนสองคน
ชีวิตจะสมบูรณ์แบบได้...ก็ต้องอยู่ที่ความพอดีของการใช้ชีวิต.."


ว่ากันว่า...
"บางทีความสมบูรณ์แบบของชีวิต ก็ไม่ได้อยู่ที่ความเร็วของการเดินทาง
แต่อยู่ที่เราสนุกกับการเก็บเกี่ยวความสุข ระหว่างการเดินทางต่างหาก..."

Sunday, May 18, 2008

Learn to Play an Instrument Online [How To]

Chances are at one point or another, you've either purchased an instrument or considered doing so with the intention of learning to play it; most of us, however, never get around the the learning part. The internet is a glorious fount of freely available information, and it's slowly filling up with excellent tutorials for getting good at just about anything—including playing a new instrument. Hit the jump for a handful of great resources for getting started with a new instrument online for the low, low price of free.

Hit Up YouTube for Free Tutorials

As free hosted video sites proliferate around the web, more and more people have begun using them to share their skills with the world at large. Just spend a few minutes on YouTube searching for a musical topic of interest and you will find tons of videos to suit your interests, from how to play drums to how to play piano. You're likely to find the most videos, though, focusing on playing the guitar.

Aspiring guitarists should check out web site Video Tabs, which scours YouTube for guitar-specific instructional videos and posts the best to their site.[via]



Improve Your Guitar Chops with iTunes

The second most popular podcast on iTunes is Beginning Guitar 101, a free instructional video from iVideosongs. The site itself is chock full of instructional videos that you can pay $5 to $10 for, but iTunes features six instructional videos for the beginning guitarist to devour for free. Then, of course, if you're hooked, you can head to the site for more. [via]

Learn Guitar on Your iPod

Web site and now software iPlayMusic (original post) offers several free videos for the beginning guitarist through their freeware iPlayMusic player. iPlayMusic requires a registration to get started, and it's put a commercial face on a lot of its videos, but the free beginner tutorials are a great place to get started; even better, they export for watching on your iPod on-the-go.

Learn to Read Tablature

The best way to get up and started in no time is by learning how to read tab (a simple notation for translating what you're supposed to play that's way less complicated than reading music) and then finding a good tab site or two. Honestly, whenever I'm searching for tabs I just hit up Google and grab the first or second result. That said, I'm a big fan of sites like Ultimate Guitar for their auto-scroll features, which scroll the page for you so you don't have to stop playing. A lot of tab sites are riddled with pop-ups, but sometimes that's the price you pay.

Learn the Drums While Playing Video Games

One of the coolest things about the video game Rock Band is that—while the guitar bears no relevance to actual guitar playing—you can actually learn a little something about drumming by playing Rock Band. No, Rock Band isn't exactly "online" (though you can play with friends over Xbox Live), but Wired has rounded up some great tips for Rock Band drummers looking to hone their skills (original post).

As you can tell, the hobbiest's instrument-of-choice is definitely the guitar, and you're likely to find a lot more guitar-centric how-tos than the rest. However, with a little digging—and YouTube really is your friend for this—you can get a basic understanding of and get started with just about any instrument. If you've got your own tried-and-true resources for honing your musical talents online, share it in the comments.

Friday, May 16, 2008

ชี้ความรักทำให้สายตาไขว้เขว มองแฟนหน้าตาดีมีเสน่ห์สุดๆ

ถึงไม่สวยหล่อพอฟัดพอเหวี่ยงกับซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดก็ไม่เป็นไร เพราะสำหรับคนที่รักคุณจริงๆ คุณคือคนที่หน้าตาดีที่สุดแล้วในสายตาของเขา/เธอ

Thursday, May 15, 2008

ดีมาก ลองทําดู - 4 อย่า

====================================================================================
ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี   ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้    
1.
อย่าเป็นนักจับผิด             
   
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
   "
กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก "
   
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส " จิตประภัสสร " ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
   "
แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข "
2.
อย่ามัวแต่คิดริษยา                
   "
แข่งกันดี ไม่ดีสักคน         ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน " '
   
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
   
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร "   ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์   ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน
   
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
   
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา
   
แล้วปล่อยให้ลอยไป
3.
อย่าเสียเวลากับความหลัง
   90%
ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น "
   
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย 

   
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ " อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน "
    "
อยู่กับปัจจุบันให้เป็น "   ให้กายอยู่กับจิต   จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา
4.
อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
   "
ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี   เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ   ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ
   
ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม "
   
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม   เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้
   
ใส่เพื่อความโก้หรู   คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่
   
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
   
เราต้องถามตัวเองว่า " เิกิดมาทำไม " " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน "   ตามหา " แก่น
   
ของชีวิตใ

 " คำว่า "พอดีคือถ้า "พอ" แล้วจะ"ดี" รู้จัก"พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข "

Saturday, May 10, 2008

Manager Online - 9 วิธี “รัก” อย่างไร ไม่เป็นทุกข์/ผศ.พญ.สุทธิพร เจณณวาสิน จิตแพทย์

คุณ p อ่านข่าวหรือบทความนี้ทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ แล้วแนะนำมายังคุณ
9 วิธี "รัก" อย่างไร ไม่เป็นทุกข์/ผศ.พญ.สุทธิพร เจณณวาสิน จิตแพทย์
คอลัมน์สายตรงสุขภาพกับศิริราช สงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าเดี๋ยวนี้ทำไมคนเรามักตัดสินปัญหาความรักด้วยความรุนแรง ความรักเป็นความสุขหรือความทุกข์ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดหรือมองความรักอย่างไร เพื่อไม่ให้ความรักเป็นความทุกข์กลับมาทำลายตัวเราเองและคนรอบข้าง...
คุณอ่านเนื้อหาสมบูรณ์ของข่าวหรือบทความชิ้นนี้รวมทั้งร่วมแสดงความเห็นได้ด้วยการคลิกที่หัวข้อข่าวหรือบทความด้านบน หรือพิมพ์ URL นี้ทีเบราวเซอร์ของคุณ
http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrView.aspx?NewsID=9510000053432

Thursday, May 1, 2008

ช้อนมันยาว (นักการเมือง) ต้องรู้จักแบ่งกันกิน: Sharing/Helping

มีชาวเดนมาร์คคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน
...........มีนางฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก
เขาก็ตกลงไปด้วย นางฟ้าพาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่า ที่นั้นเป็นห้องใหญ่ ๆ มีโต๊ะยาวๆ
บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตอร่อยมีคุณค่าทุกประเภท
...........มีคนนั่งอยู่หลายคนนางฟ้าก็บอกว่าคนเหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก
แต่ตัวเขาผอมเหลืองน่าสงสาร

.......... นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดี ๆได้ แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ
ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น เวลาจะใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที

...................................อาหารที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด เขาเลยมีความวุ่นวายเดือดร้อนมาก พยายามตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก
..........จึงผอมโซเพราะอดอาหาร ทั้งที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ
...............แต่ไม่สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้

นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่งแล้ว บอกว่า ........... ห้องที่สองนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ
มีโต๊ะอาหารยาว ๆ อาหารประณีตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก
............มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้าบอกว่า

.............แต่แปลกที่คนบนสวรรค์นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย
ดูว่าเขากินอาหาร อย่างไร ทั้งๆที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก

ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง พอดูดี ๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์
............คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาว ๆ เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม
.............คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้ ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย
สรุปว่า ที่นรกนั้น..... คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว
คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง
..............คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น

แต่ที่สวรรค์นั้น..... มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน
.........................คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย
จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน ..........................

ตื่นขึ้นมาแต่ละวันอย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม แต่จงถามให้มากว่าจะให้อะไรกับสังคม

 

"มิตรภาพ" friendship

          ปัจจุบันสังคมกำลังเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ ยุคข้อมูลข่าวสาร ยุคความเจริญก้าวหน้า ยุคที่หลายๆ สิ่งกำลังเปลี่ยนไป เมื่อทุกสิ่งเปลี่ยนไป มนุษย์อย่างเราพยามที่จะพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคไฮเทคของโลกสมัยใหม่ไปด้วย แต่ดูเหมือนสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ไม่มีการพัฒนา แต่กลับด้อยลงๆ นั่นคือ มิตรภาพ … มิตรภาพที่เคยช่วยเหลือเกื้อ      กูลกันก็ลดลง เพราะต่างๆ คน ต่างเอาตัวรอด ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว…จนแทบไม่มีมิตรภาพที่จะมอบให้คนอื่นๆ อีก ทั้ง เพื่อน ญาติ แฟน เพื่อนร่วมชาติหรือแม้แต่สัตว์ร่วมโลก…(หรือ "มิตรภาพ" จะหายไปจากโลกนี้ซะแล้ว)

          ...นี่เป็นภาพของเด็กชาย 2 คน ที่พยายามช่วยกันหาวิธีดึงสุนัขตัวน้อยที่ตกลงไปในน้ำ ให้ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เด็กตัวเล็กๆ พละกำลังก็น้อยนิด แต่ยังมีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก มีมิตรภาพดีๆ ที่จะมอบให้กับเจ้าสุนัขตัวเล็กๆ ตัวนี้ ทั้งๆ ที่มีโอกาสตกลงไปเหมือนหมาน้อยตัวนั้น แต่เด็กๆ ก็ยังสามัคคี จับมือเกาะเกี่ยวดึงกันไว้ จนสามารถช่วยชีวิตเจ้าหมาน้อยได้ ...

          หลังจากดูรูปภาพนี้แล้วก็ทำให้อดคิดด้วยความดีใจ และอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า... "ในสังคมไทยยังมีมิตรภาพดีๆ แบบนี้เหลืออยู่ … เด็กๆ ยังมีมิตรภาพให้คนอื่น โดยเฉพาะมิตรภาพที่มอบให้กับสุนัข ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ด้วยกัน เมื่อถึงคราวเดือดร้อน ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน …

          แล้วมนุษย์อย่างเราล่ะ เคยมีมิตรภาพมอบให้กันบ้างหรือเปล่า? มิตรภาพในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตในโลกกลมๆ ใบเดียวกัน มิตรภาพในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน มิตรภาพในฐานะเพื่อนกัน มิตรภาพในฐานะญาติ มิตรภาพในฐานะเป็นนักการเมือง เป็นคนในสังคมเดียวกัน เคยมอบให้กันบ้างไหม?"

          … ถ้าเรามี "มิตรภาพ" มอบให้คนอื่นแล้ว เชื่อว่าจะสามารถสร้างความอบอุ่น ความรัก ความจริงใจ ความไว้ใจ ความห่วงใจ และไม่ทอดทิ้งกันยามลำบากแน่นอน … มีมิตรภาพแล้วดีอย่างนี้ แล้วเหตุใดเราจึงไม่รักษา "มิตรภาพ" นั้นไว้ … อย่าให้ใครบางคน... เรื่องราวบางเรื่อง... มาทำลายมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน... เราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกันทุกอย่าง ... ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน… แต่มิตรภาพของเราก็สามารถมอบให้กันได้…