Pineapple TH-PH

Done

Wednesday, January 14, 2009

คู่มือหาโรงเรียนให้ลูก (ฉบับย่อ) กับ 12 โรงเรียนทางเลือก

คู่มือหาโรงเรียนให้ลูก (ฉบับย่อ) กับ 12 โรงเรียนทางเลือก

 

[Image]

แม้ ในตลาดการศึกษาจะมีทางเลือกให้กับผู้ปกครองมากมาย หากถึงเวลาต้องส่งลูกเข้าโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนสาธิต โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนนานาชาติ หรือจะส่งไปเรียนต่างประเทศ แต่ละแบบ ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่หากพ่อแม่อยากจะหาโรงเรียนดีๆ ให้ลูกเรียน สักแห่ง คงไม่ใช่แค่ว่าเพราะโรงเรียนนั้นมี ชื่อเสียง มากกว่านั้นโรงเรียนที่เลือกจะต้องสร้างให้เด็กมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่าง มีความสุขทั้งในวันนี้และอนาคต

 

โรงเรียนทางเลือกจึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับผู้ปกครองที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องถึงวันนี้ก็ยังต้องไปจองเรียนกันแบบข้ามปี

 

ด้วย วิธีการเรียนการสอนของโรงเรียนทางเลือกที่ต่างจากโรงเรียนปกติที่ทำให้เด็ก เข้าใจเรื่องของความเป็นธรรมชาติ และโรงเรียนก็คือสิ่งแวดล้อมหนึ่งที่อยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตที่ทำให้เด็ก รู้จักตนเองและรู้หน้าที่ในการค้นหาความจริงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเรียนรู้ที่จะปรับพื้นฐานจิตใจให้อยู่ได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเป็นวัฏจักร ซึ่งขณะนี้มีโรงเรียนทางเลือก 12 โรงเรียนที่แม้จะมีบุคลิกแตกต่างกันแต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ "ความเป็นธรรมชาติ"ที่ผู้ปกครองสามารถเลือกได้

 

4 โรงเรียนทางเลือกคนกรุง

 

สำหรับ คนกรุงเทพฯโรงเรียนทางเลือกกระจุกตัวอยู่ในย่านสุขุมวิทมีแนวคิด ต่างกันไป คลองตันเหนือเป็นที่ตั้งของ โรงเรียนทอสี โดยเริ่มแรกผู้ก่อตั้งได้นำนวัตกรรมจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาใช้อย่าง หลากหลาย แต่สุดท้ายก็ค้นพบว่า หลักไตรสิกขาของพระพุทธศาสนาเป็นทางที่การศึกษาไทยต้องเดิน จึงนำการศึกษาวิถีพุทธมาเป็นหลักในการสอนและมีกิจกรรมร่วมกันระหว่าง โรงเรียน นักเรียนและผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโรงเรียนสยามสามไตร ย่านพระโขนงที่ใช้วิถีพุทธมาเป็นหลักในการเรียนการสอน โดยให้เด็กรู้จักใช้ปัญญาอย่างไทยและมีมาตรฐานทางวินัย ฝึกให้อดทนพร้อม ปลูกฝังให้มีคุณธรรม

 

ไม่ไกลกันนักที่ซอยสุขุมวิท 40 โรงเรียนอนุบาลบ้านรัก ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อบอุ่น มีบรรยากาศเสมือนบ้านและให้ความอิสระกับ "ความเป็นเด็ก" ที่ไม่รีบเร่งให้โตเกินวัยตามแนวทางการศึกษาแบบมนุษยปรัชญา และสามารถเข้าใจธรรมชาติในตัวเอง เข้าใจความเป็นมนุษย์อันจะนำไปสู่ความสุขของเด็กได้

 

นอกจากนี้คนฝั่ง กรุงเทพฯยังมีอีกทางเลือกที่ โรงเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก โรงเรียนที่ชาวบึงกุ่มรู้จักกันเพราะเกิดขึ้นจากศรัทธาของชุมชนที่ให้ เรียนฟรี กินฟรี อยู่ฟรี และต้องไม่มีห้องเรียนหรือมุ่งเน้นวิชาการแต่ฝึกให้เด็กทำงานเป็น เอาตัวรอด และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกกับผู้ที่มีความเก่งในการทำงานเพื่อให้ค้นพบ ตัวเองว่าชอบและสนใจอะไร

 

เรียนวิชาการบวกวิชาคนที่ฝั่งธนฯ

 

ย่าน ชานเมืองมีโรงเรียนทางเลือกตั้งอยู่รวมๆ กันในแถบตลิ่งชันและพระรามที่ 2 โรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย) ตั้งอยู่ย่านตลิ่งชัน ที่ทางโรงเรียนเลือกใช้ศิลปะและดนตรีมาพัฒนาเด็ก เพราะสามารถเปิดใจรับรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียนจึงมีลักษณะที่บูรณาการทั้งนวัตกรรม สื่อ ศาสตร์ และเทคนิค โดยยึดมั่นเป้าหมายในความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ในขณะที่ โรงเรียนเพลินพัฒนา ในเขตทวีวัฒนาเน้นเรื่องของการเปลี่ยนสภาวะของชีวิต และการเรียนรู้ที่ฝังลึกลงไปในกายและจิตของเด็กบนวิถีชีวิตจริง โดยใช้ "ดนตรี" ช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์และสังคมให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนกันและยอม รับซึ่งกันและกัน

 

ย่านพระรามที่ 2 โรงเรียนรุ่งอรุณ ใช้ความหลากหลายของนักเรียนเป็นโจทย์สำคัญทางการศึกษา ใช้การเรียนแบบ project based learning ที่ครูต้องมีสายตาที่จะจินตนาการเห็นภาพของการเรียนรู้ที่จะเกิดขึ้นที่ตัว ผู้เรียนในทั้งด้านพฤติกรรม จิตใจและปัญญา นอกจากนี้ยังได้ใช้ดนตรี ศิลปะ และศิลปะการป้องกันตัวแบบไทยเป็นเครื่องกล่อมเกลาและขัดเกลาจิตใจ ในละแวกไม่ไกลกันนัก โรงเรียนวรรณสว่างจิต มีวิธีสอนให้เด็กเป็นผู้นำทางความคิดและจิตวิญญาณ โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีความสุขและการเรียนรู้ที่จะดำรงตนให้ สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เช่น ฤดูกาล สภาพท้องถิ่น และวัฒนธรรมประเพณี ขณะที่ โรงเรียนดรุณสิกขาลัย ย่านบางมดเน้นให้ผู้เรียน "สร้างองค์ความรู้" ผ่านการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติโดยการทำโครงงานบูรณาการด้วยเทคโนโลยี วิชาการ ศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทย ตลอดจน คุณธรรม จริยธรรม เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กจะมีความสุขในการเรียนทุกๆ วัน เพราะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบผ่านการลงมือปฏิบัติและการทดลองที่สอด คล้องกับวิธีการเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็ก

 

ออกนอกเมืองเรียนรู้ธรรมชาติมนุษย์

 

ที่ จังหวัดกาญจนบุรี โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก มีรูปแบบของการศึกษาเพื่อค้นหา เป้าหมายให้ชีวิตโดยมีแนวคิดที่ผสมผสานจากปรัชญาการศึกษาของเอ เอส นีล นักการศึกษาชาวสกอตแลนด์กับปรัชญาทางพุทธศาสนาที่อยู่บนพื้นฐานของสังคมไทย และเพราะเด็กที่มาอยู่โรงเรียนนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กด้อยโอกาสจึงต้องแก้ไข ด้วยความรัก ความไว้ใจ และค่อยๆ ให้เด็กพัฒนาตนเองด้วยกิจกรรมเสริมต่างๆ เพื่อให้เด็กได้ค้นพบความสามารถของตนเอง

 

ใจกลางเมืองนครปฐม โรงเรียนนานาชาติเมธา มีแนวคิดที่จะพัฒนาเด็กให้เป็นผู้นำแบบภาคพลเมือง (civic leader) โดยพัฒนาตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ให้อิสรภาพทางการเรียนรู้ โดยการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุขและสนุกจากอุปกรณ์ที่มี อยู่ตามธรรมชาติ บูรณาการความรู้เป็นองค์รวมทั้งโรงเรียน บ้าน ชุมชน และสังคมและเข้าใจวัฒนธรรมมิติตะวันตกและตะวันออก และมีการใช้ภาษาอังกฤษ ไทย จีน เป็นสื่อการเรียนการสอน และโรงเรียนสุดท้าย โรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี ที่จัดการเรียนการสอนด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้บริหาร ครู และนักเรียน เพื่อยกระดับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ทุกเช้าเด็กจะถูกขัดเกลาจิตใจโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา และสอนให้เด็กเป็นทั้งคนเก่ง ดี มีสุข สู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

 

ครั้ง หนึ่ง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้บุกเบิกแนวคิดการศึกษาทางเลือกมากว่า 30 ปี เคยบอกว่า "การเรียนรู้โดยเอาตำราเป็นตัวตั้ง โดยไม่เอาสถานการณ์ของชีวิตเป็นตัวตั้ง ไม่มีพลังพอที่จะทำให้มนุษย์เข้าใจสถานการณ์ความเป็นจริงที่ซับซ้อนและ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถเผชิญกับสถานการณ์ความเป็นจริงได้ นำไปสู่วิกฤตการณ์ทั้งในตัวมนุษย์เอง ในสังคมและในสิ่งแวดล้อม อันเป็นวิกฤตการณ์แห่งยุคสมัย"

 

นี่อาจเป็นทางเลือกของการเรียนรู้ ที่ถือว่าเป็นรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นทิศทางน่าสนใจ ว่าสุดท้ายแล้วจุดสูงสุดของการเรียนรู้ก็คือการเรียนรู้แบบเดิมที่อยู่กับ ธรรมชาติให้มากที่สุดหรือไม่

 

ข้อมูลจาก - หนังสือหลอมรวมการเรียนรู้เพื่อความเป็นไทเล่ม 1เครือข่ายโรงเรียนไทยไท กลุ่มการศึกษาขั้นพื้นฐานแนวใหม่

Thursday, January 8, 2009

ค้นหา อัจฉริยะ ในตัวเอง 6Qs

ค้นหา อัจฉริยะ ในตัวเอง

คอลัมน์ วาไรตี้เฮลท์

ใน สมัยหนึ่งคนเชื่อว่า การที่คนเราจะ ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่างจะต้องประกอบด้วย Q ทั้ง 3 ตัวเป็นหลัก นั่นคือ ไอคิว อีคิว และเอคิว

แต่มาถึงยุคนี้ต้องบอกว่า ไม่พอเสียแล้ว

เรื่อง นี้เป็นมุมมองของนักจิตวิทยายุคใหม่ที่เชื่อว่า ความสำเร็จของคนคนหนึ่งต้องพึ่งพาอาศัย Q ถึง 6 ตัวด้วยกัน หรืออย่างที่เขาเรียกว่า 6Qs ที่ ผศ.ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านไอคิว และเอคิว ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในหนังสือ "ชนะชีวิตคิดอย่างอัจฉริยะ" หรือ Genius 6 Qs

มาดูกัน 6Qs ที่ว่านี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

IQ -Intelligence Quotient คือ อัจฉริยะ ความเก่ง

EQ -Emotional Quotient คือ อัจฉริยะความสุข

AQ -Adversity Quotient คือ อัจฉริยะความสำเร็จ

MQ -Moral Quotient คือ อัจฉริยะความเข้มแข็ง

HQ -Health Quotient คือ อัจฉริยะความดี

SQ -Spiritual Quotient คือ อัจฉริยภาพสูงสุด

อัจฉริย ภาพทั้ง 6 นี้แม้ว่าต่างคนจะมีกันครบถ้วนมากน้อยต่างกันไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จทุกคนเหมือนกัน นั่นเพราะการมี 6Q ที่ดีนั้นจะต้องมีศักยภาพ (potential) และความสามารถในการปฏิบัติ (performance) ควบคู่ไปด้วย

ปัญหาก็คือ คนเราทุกคนมีศักยภาพอย่างมากมาย แต่น่าเสียดายว่า ไม่รู้จักวิธีที่จะนำมาใช้

ทางจิตวิทยาเชื่อว่า ถ้าศักยภาพมี 100 คนเราทุกวันนี้ดึงศักยภาพ มาใช้กันได้เพียง 30-35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ดัง นั้นสิ่งหนึ่งที่จะทำผลักดันศักยภาพที่เหลืออยู่ออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด นั้น จึงอยู่ที่ต้องรู้ก่อนว่า เรามีส่วนดีส่วนด้อยข้อไหนมากน้อย กว่ากัน นี่เป็นแบบทดสอบที่สามารถลองพิจารณาดูได้ด้วยตัวเอง

1. คุณสามารถสื่อสารกับชาวบ้านแล้วรู้เรื่องแค่ไหน ข้อนี้บ่งบอกถึงว่า ไอคิว ของคุณอยู่ระดับไหน เพราะการสื่อสารหรือการใช้ภาษาถือเป็นอัจฉริยภาพอย่างหนึ่ง

2.ร่างกายคุณแข็งแรงปราดเปรียวแค่ไหน เรื่องวัดง่ายๆ แค่เดินขึ้นบันได 3 ชั้น ร่างกายก็จะฟ้องคุณเอง

3. คุณสามารถจินตนาการเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นได้ แค่ไหน เรื่องนี้ไอน์สไตน์ยังบอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่ถ้าเรายังไม่รู้ก็ต้องฝึก

4.คุณทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองใน แต่ละวันหรือไม่ ข้อนี้เป็นการทดสอบทางคณิตศาสตร์ เพราะมีความเชื่อว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็นนักคณิตศาสตร์หรือ นักบัญชี ที่เก่ง หรือก็ต้องมีนักบัญชีที่เก่งคอยช่วยเหลือ

5.คุณรู้จักตัวเองแค่ไหน เพราะนอกจากที่จะรู้จักคนอื่นแล้ว การที่รู้จักตัวเองได้อย่างถ่องแท้นั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ

6.คุณมีมนุษยสัมพันธ์ดีแค่ไหน เพราะการมีมนุษยสัมพันธ์ถือเป็นอัจฉริยะที่ต้องใช้ความสามารถหลายด้านรวมกัน

7. ชอบธรรมชาติหรืออยู่กับธรรมชาติหรือไม่เรื่องนี้เป็นการ ทดสอบเรื่องการสัมผัสต่อสรรพสิ่งทั้งหลาย อย่างที่นักปราชญ์บอกไว้ว่า หากต้องการมีความสุขตลอดชีวิตให้อยู่กับธรรมชาติ

8.คุณมีความสามารถทางด้านดนตรีหรือไม่

คำตอบทั้ง 8 ข้อนั้นไม่มีการเฉลย เพราะคนที่จะรู้คำตอบได้ดีที่สุดนั้นอยู่ที่ตัวคุณเอง

หากรู้ว่า เราด้อยหรือมากไปในข้อใด ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแต่งเติมให้ Q แต่ละข้อเต็มสมบูรณ์

ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวคุณเองทั้งสิ้น

ถือเป็นการค้นหาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในตัวเอง เป็นการต้อนรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

Monday, January 5, 2009

ฟ้าสางทางความลับสุดยอด

ฟ้าสางทางความลับสุดยอด : พุทธทาสภิกขุ

ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ตามประสงค์ โดยกฏอิทัปปัจจยตา
ดังนั้น ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่เราเติมธรรมะลงไปได้ตามที่เราต้องการ
โดยการปฏิบัติธรรม. (๑)

ถ้ามีการศึกษาที่เห็นแจ้งจากภายใน (เป็นสันทิฏฐืโก) แล้ว
ก็ไม่มีทางที่จะเป็นทาสทางสติปัญญาของใคร แม้แต่ของพระพุทธเจ้า:
นี้เป็นหลักของพระพุทธศาสนา (ตามกาลามสูตรข้อสิบ) (๒)

ถ้าใช้หลักกาลามสูตรเป็นเครื่องตัดสินว่า
เป็นสิ่งที่ควรรับถือเป็นหลักปฏิบัติแล้ว
ก็ไม่ต้องคำนึงว่าเป็นคำสอนของใคร
เป็นของเดิมแท้หรือเป็นของใหม่ ฯลฯ
หรือว่ามีประวัติมาอย่างไร (๓)

การมีธรรมะแท้จริง ก็คือ
สามารถดำรงตนอยู่เหนือปัญหา
หรือความทุกข์ทั้งปวง;
ไม่เกี่ยวกับปริญญาบัตร ฯลฯ พิธีรีตอง
หรือ หลักปรัชญาชนิดฟิโลโซฟี่ใดๆ (๔)

เรามีวิธีทำให้ชีวิตเป็นของเย็น
ทุกอิริยาบถตามที่เราประสงค์จะมี
ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ :
เพื่อตนเอง - เพื่อสังคม - ตามธรรมชาติล้วนๆ (๕)

การศึกษา - ศาสนา - วัฒนธรรม - ประเพณี -
การเมือง - การปกครอง - การเศรษฐกิจ - ศิลปะ ฯลฯ -
วิทยาการใดๆ จะถือว่าถูกต้องได้
เฉพาะเมื่อพิสูจน์การดับทุกข์ได้ในตัวมันเอง (๖)

การเรียน - การรู้ - การมีความรู้ - การปฏิบัติ -
การใช้ความรู้ให้สำเร็จประโยชน์ เหล่านี้
มิใช่สิ่งเดียวกัน; ระวังการมี การใช้ ให้ถูกต้อง (๗)

ชีวิตเย็นเป็นนิพพาน ในปัจจุบัน คือ
ไม่มีกิเลส เกิดขึ้นแผดเผาให้เร่าร้อน ทุกเวลานาที ทุกอิริยาบถ,
ในความรู้สึกอย่างสันทิฏฐิโก (คือรู้สึกอยู่ภายในใจ) (๘)

มีชีวิตเย็นเป็นนิพพาน (นิพฺพุโต) ในปัจจุบันได้
โดยที่ทุกอย่างถูกต้องแล้ว พร้อมแล้ว ไม่ว่าสำหรับจะตายหรือจะอยู่;
เพราะไม่มีอะไรยึดถือไว้ว่า กู-ของกู (๙)

กิจกรรมทางเพศเป็นของร้อน และเป็นเรื่อง "บ้าวูบเดียว";
แต่คนและสัตว์ (แม้ต้นไม้?) ก็ตกเป็นทาสของมันยิ่งกว่าสิ่งใด (๑๐)

อวัยวะสืบพันธุ์ มีไว้สำหรับผู้ต้องการสืบพันธุ์
หรือผู้ต้องการรสอร่อยจากกามคุณ (กามอสฺสาท)
อันเป็นค่าจ้างให้สัตว์สืบพันธุ์ ด้วยความยากลำบากและน่าเกลียด;
แต่ไม่เป็นที่ต้องการของผู้จะอยู่อย่างสงบ (๑๑)

เรื่องเพศหรือเกี่ยวกับเพศ
ธรรมชาติสร้างมาสำหรับมนุษย์ - สัตว์ - พฤกษชาติ ไม่สูญพันธุ์ ;
ไม่ใช่ของขวัญที่ใครจะเรียกร้อง
ไม่ใช่ของควรบูชาในฐานะสิ่งสูงสุด ว่าเป็นกามเทพ เป็นต้น (๑๒)

กามารมณ์เป็นค่าจ้างทางเพศ เพื่อการสืบพันธ์
อันสกปรกเหน็ดเหนื่อยและน่าเกลียดจากธรรมชาติ,
มิใช่ของขวัญ หรือ หรรษทานจากเทพเจ้าแต่ประการใด
เลิกบูชากันเสียเถิด (๑๓)

กามกิจก็เป็นหน้าที่ที่เป็นธรรมะอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน;
แต่ต้องประพฤติกันอย่างถูกต้องและพอดี สำหรับอริยชนที่ครองเรือน (๑๔)

การสมรสด้วยจิตหรือทางวิญญาณ (เช่น ทิฏฐิตรงกัน) นั้น
เป็น "พรหมสมรส" ยังบริสุทธิ์ สะอาดดี ไม่ก่อให้เกิดทุกข์หรือปัญหาใดๆ ;
ส่วนการสมรสทางกาย หรือเนื้อหนัง นั้น
สกปรก น่าเกลียด เหน็ดเหนื่อยเกินไป
จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นการสมรส (๑๕)

กามที่เกี่ยวกับเพศ เป็นได้ทั้งเทพเจ้าและปีศาจ
ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ประกอบกิจนั้น มีธรรมะผิดถูกมากน้อยเพียงไร (๑๖)

พวกที่ถือพระเจ้า ถือว่าอะไรๆ ก็แล้วแต่พระเจ้าบันดาล
ส่วนชาวพุทธถือว่าแล้วแต่การกระทำผิดหรือถูก ต่อกฏอิทัปปัจจยตา;
ดังนั้นควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า "พระเจ้า" กันเสียใหม่ให้ถูกต้อง
คือมีทั้งที่มีความรู้สึกอย่างบุคคล และไม่มีความรู้สึกอย่างบุคคล
อย่างไหนจะเป็นที่พึ่งได้และยุติธรรม ไม่รับสินบน (๑๗)

พระเจ้าคือสิ่งสูงสุดนั้น ไม่ดี-ไม่ชั่ว แต่อยู่เหนือดีเหนือชั่ว
จึงสามารถให้เกิดความหมาย ว่าดี ว่าชั่ว
ให้แก่ความรู้สึกของมนุษย์ได้ทุกอย่าง จนงงไปเอง (๑๘)

พระเจ้า คือ กฏ สำหรับบังคับสิ่งที่เกิดจากกฏให้ต้องเป็นไปตามกฏ
โดยเด็ดขาด และเที่ยงธรรม;
ดังนั้น พระเจ้าจึงอยู่เหนือสิ่งทั้งปวงได้จริง (๑๙)

พระเจ้าเป็นที่รวมแห่งความจริง
มิใช่แห่งความดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังหละหลวม และเป็นมายาอยู่มาก
จนต้องเป็นคู่กันกับความชั่ว;
ถ้าพระเจ้าเป็นความดี ก็จะกลายเป็นคู่กันกับซาตานหรือมารร้ายไปเสียฯ (๒๐)