Pineapple TH-PH

Done

Thursday, February 4, 2010

พร 4 ข้อ ของท่าน ว.วชิรเมธี

  พร 4 ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี                                                                                                                

  1.อย่าเป็นนักจับผิด                                                                                                                        

         คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง                                                             

         " กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก "                                                                                                     

         คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส " จิตประภัสสร " ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี                                                       

         " แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข "                                                                                              

                                                                                                                                         

  2.อย่ามัวแต่คิดริษยา                                                                                                                       

         " แข่งกันดี ไม่ดีสักคน    ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน "                                                                                           

         คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา                                                                                   

         คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร "   ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์   ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน                                          

         ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน                                           

         เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี                                                                                      

         " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป                                                                     

                                                                                                                                        

  3.อย่าเสียเวลากับความหลัง                                                                                                                 

         90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น "                                                                           

         มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย                                                      

         ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ " อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน "                                                                 

         " อยู่กับปัจจุบันให้เป็น "   ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา                                                              

                                                                                                                                        

  4.อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ                                                                                                                    

         " ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วย น้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วย เชื้อ                                            

         ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม "                                                                                              

         ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม   เช่น คุณค่า                                                                                     

         ที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้  ใส่เพื่อความโก้หรู                                                                           

                                                                                                                                         

          คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์                                             

  เราต้องถามตัวเองว่า " เกิดมาทำไม " " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" ตามหา " แก่น " ของชีวิตให้เจอ คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ"ดี"   รู้จัก  

  "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข                                                                                                                 

                                                                                                                                        

         สัพพะทานัง ธัมมะธานัง ชินาติ                                                                                                          

         ' การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง '                                                                                             

         จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ                                                         

         และปฏิภาณธนสารสมบัติทุกประการ                                                                                                      

                                                                                                                                         

                                                                                                                                        

                                                                                                                                         

                                                                                                                                         

                                                                                                                                        

 

 

 

 

 

Wednesday, February 3, 2010

Tuesday, February 2, 2010

ไกด์สาวลาว

ไกด์สาวลาว

ช่วงที่ลาวเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ทำให้ลาวคึกคักไปทั่วประเทศ

ที่คึกคักมากที่สุดคือเวียงจันทน์เหมืองหลวงของลาว เพราะเป็นจุดศูนย์กลางการแข่งขันกีฬาครั้งนี้

ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวลาวในช่วงที่ว่านี้ด้วย จึงได้เห็นชัดด้วยตาตนเองว่า

นครเวียงจันทน์เปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก ถนนหนทางมีคุณภาพดีขึ้น สะอาดอีกต่างหาก

สถาน ที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งถูกจัดและตกแต่งเป็นอย่างดีเพื่อรับนักท่องเที่ยว เช่น ประตูชัยที่ตั้งอยู่กลางเมืองและพระธาตุหลวงทาสีใหม่จนแลดูเด่นสง่า

ตึกรามบ้านช่อง และถนนก่อสร้างขึ้นใหม่หลายแห่งจนแทบจำเวียงจันทน์ไม่ได้

อาคารเก่า สมัยฝรั่งเศสครองเมืองได้ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหาร ที่ทำการของรัฐ พิพิธภัณฑ์ ทำให้น่าดูและน่าเข้าไปลิ้มรส

เอาเป็นว่า ภาพรวมของเวียงจันทน์วันนี้เปลี่ยนไปจนแทบจำหน้าตาเดิมไม่ได้

มี นักท่องเที่ยวจากไทยเข้าไปเที่ยวลาวมากกว่าชาติอื่น ก็ตั้งแต่มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว พาดข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดหนองคายกับเวียงจันทน์ได้ถูกสร้างขึ้นนั่นแหละ

ทั้งนี้ก็เพราะการเดินทางสะดวก พูดง่ายๆ ผู้ใดไปเที่ยวหนองคายจะต้องถือโอกาสข้ามไปฝั่งลาวด้วย

อีก ทั้งมีแต่หนังสือเดินทางเพียงเล่มเดียวก็สามารถเข้าลาวได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า ก็เพราะมีนักท่องเที่ยวจากไทยไปเที่ยวลาวกันมากนี้เอง ลาวจึงผลิตไกด์ภาษาไทยมากกว่าไกด์ภาษาอื่นๆ

นางขันทะสี ไชยวง ไกด์สาวของลาว ที่มีชื่อเล่นว่า ป้อม หลังจากได้แนะนำตัวให้เราได้รู้จักแล้ว ได้บอกให้เรารู้ว่ามีไกด์ภาษาไทยที่เวียงจันทน์พร้อมที่จะนำนักท่องเที่ยว จากไทยไปทุกหนทุกแห่งในลาวถึงร้อยกว่าคน

พอไกด์ลาวแนะนำตัวเองโดยมี คำว่านางนำหน้าชื่อ ทำให้เราบางคนถอนใจด้วยความเสียดายที่เธอแต่งงานเสียแล้ว แต่มารู้ภายหลังว่า ลาวจะใช้คำนำหน้าชื่อผู้หญิงตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายว่า นาง

"ป้อม ยังโสดนะคะ ยังไม่ได้แต่งงาน" ไกด์ลาวรีบบอกให้รู้ ที่เธอบอกเช่นนี้ก็เพราะเธอดูออกว่านักท่องเที่ยวจากไทยรวมทั้งผมด้วย กำลังคิดอะไรอยู่

ป้อมเป็นไกด์ที่พูดไทยได้ค่อนข้างชัด แต่พวกเราส่วนใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ในรถนำเที่ยวประมาณ 10 กว่าคน มีความเห็นตรงกันว่า อยากให้เธอพูดเป็นภาษาลาวดีกว่า เพราะน่าฟังกว่ากันเยอะ

ถึงแม้เราฟังภาษาลาวรู้เรื่องไม่หมด แต่ก็พอรู้เรื่อง

ไกด์ลาวยินดีใช้ภาษาลาวซึ่งเธอก็สะดวกปากด้วย

ผม เคยเข้าไปเที่ยวที่ลาวหลายครั้งแล้ว ยอมรับว่าไกด์สาวคนนี้นอกจากหน้าตาดีน่ารักแล้ว ยังทำงานในหน้าที่ไกด์ได้ดีกว่าคนอื่นๆ ที่ผมเคยพบด้วย

ไกด์สามารถเล่าถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับประเทศลาวได้อย่างละเอียด แล้วยังตอบคำถามได้ทุกเรื่องด้วย เช่น

บางคนถามถึงการศึกษาในลาว

บางคนถามถึงการปกครอง การเมือง

บางคนถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของลาว

บางคนถามถึงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ลาวป็นเจ้าภาพครั้งแรก

บางคนถามถึงโบราณสถาน วัด และพิพิธภัณฑ์

ทุกคำถาม ไกด์สาวสามารถตอบได้ ส่วนจะผิดหรือถูกเราไม่รู้

ที่พวกเราพากันสนใจมากเป็นพิเศษก็คือเรื่องของภาษาลาวกับภาษาไทย เพราะพอรู้แล้วอดขำไม่ได้

เพราะภาษาลาว ตรงไปตรงมาไม่ดัดจริตและเรื่องมากเหมือนภาษาไทย

ยก ตัวอย่างสักคำก็ได้ เช่น คำว่า ขอบใจ เป็นคำที่ลาวใช้ได้กับผู้คนทุกระดับชั้น ส่วนไทย นอกจากคำว่าขอบใจ แล้วยังมี ขอบคุณ ขอบพระคุณ ขอบพระคุณยิ่ง ฯลฯ

ภาษาลาวใช้คำว่า กิน คำเดียวได้กับทุกคน ส่วนภาษาไทยจะต้องมีคำว่า รับประทาน และอื่นๆ อีกหลายคำ

พอพวกเราถามเรื่องเกี่ยวกับประเทศลาวเสร็จ ก็หันมาช่วยกันถามเรื่องส่วนตัวของเธอบ้าง

ถึงจะถามเรื่องส่วนตัวลึกแค่ไหน เธอจะตอบด้วยท่าทางบอกให้รู้ว่ายินดี เราจึงได้รู้จากเธอว่า

ผู้ชายลาวขาดตลาด เพราะในจำนวนประชากร 6 ล้านกว่าคนนั้น มีผู้ชายประมาณ 2 ล้านกว่าคนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเพศหญิง

ถ้า อยู่ในวัยแต่งงาน ผู้ชาย 1 คน จะต้องมีเมียถึง 5 คน จึงจะลงตัว พอพวกเรารู้สถิติเรื่องนี้ต่างพากันบ่นเสียดายที่ไม่ได้เป็นผู้ชายลาวไปตามๆ กัน

ไกด์สาวเล่าชีวิตของเธอให้เราฟังผ่านเครื่องกระจายเสียงบนรถว่า

พ่อแม่ของเธอมีอาชีพเป็นชาวนา เธอมีพี่น้องท้องเดียวกัน 3 คน เธอเป็นคนโต

ปัจจุบันเธออายุ 25 ปี เรียนจบมาทางการเงินและธนาคาร

เดิมทีไม่เคยคิดว่าจะได้มาเป็นไกด์ แต่ที่ได้เป็นก็เพราะไปทำงานอยู่ที่บริษัททัวร์ในหน้าที่การเงินและบัญชี

ขณะทำงาน มองเห็นว่าอาชีพไกด์น่าจะสนุกและได้เงินมากกว่า จึงเปลี่ยนงานจากตำแหน่งเดิมเป็นไกด์แทน

ทว่าก่อนที่เธอจะเปลี่ยนอาชีพเป็นไกด์ได้จะต้องเข้าอบรมเพื่อให้ได้ใบอนุญาต 45 วัน

การเป็นไกด์จะต้องอบรมวิชาความรู้รอบตัว วิชาประวัติศาสตร์ วิชาภูมิศาสตร์ วิชาทำอาหารและวิชาปฐมพยาบาล

เธอ เป็นไกด์มาแล้ว 2 ปี เธอบอกว่าสมัยเธอเป็นไกด์ไม่ยากเท่าไร ผ่านการอบรมก็เป็นได้เลย แต่ปัจจุบันจะต้องผ่านมหาวิทยาลัยการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพราะรัฐบาลลาวเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้ให้ลาวมากเป็นอันดับสองของรายได้อื่นๆ จึงต้องผลิตไกด์ขึ้นมาให้ได้คุณภาพและปริมาณเพียงพอ

ไกด์สาวบอกว่า เงินเดือนของคนลาวที่ได้จะน้อยกว่าไทยมาก

ที่ลาวคนเรียนจบปริญญาตรีได้เงินเดือนเพียง 3,000 บาท ส่วนเธอเรียนจบระดับอนุปริญญาได้เพียง 2,500 บาทเท่านั้น

"จะพอใช้หรือ" เราคนหนึ่งถามด้วยความเป็นห่วง

"พอค่ะ" เธอตอบทันทีพร้อมอธิบายว่า

วันไหนได้ออกทำงาน วันนั้นแทบไม่ได้ใช้เงิน เพราะกินดื่มกับคณะทัวร์

วัน ไหนไม่มีทำงานออกนอกสถานที่ เธอจะกินข้าวเช้าที่บ้านก่อนขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน อาหารเที่ยงถ้าไม่ต้มบะหมี่สำเร็จรูปกินก็จะกลับไปกินข้าวบ้าน มื้อเย็นก็เช่นกัน

อาหารแต่ละมื้อจะทำกินเอง ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวเหนียว ผักลวก และน้ำจิ้มแจ่ว บางวันก็มีปลาย่าง เนื้อย่าง ส้มตำ แต่ละมื้อ โดยเฉลี่ยคนละไม่เกิน 10 บาท

ที่คนลาว เงินเดือนน้อยแต่อยู่ได้ก็เพราะจะทำอาหารกินเอง อยากกินไก่ก็เลี้ยงไก่เอง อยากกินปลาก็ลงน้ำจับปลาเอง ไม่จำเป็นจะไม่ไปกินอาหารนอกบ้าน

เมื่อ ผมได้รู้รายได้ของไกด์สาวกับการดำเนินชีวิตของเธอแล้วทำให้ได้ข้อคิดว่า รายได้ไม่สำคัญเท่ากับรายจ่าย หมายถึงว่า ถึงแม้มีรายได้มาก แต่ถ้าไม่รู้จักใช้เงิน ใช้เงินมากกว่ารายได้ ก็ต้องเดือดร้อนอยู่ดี

เหตุที่ไกด์สาวมีมอเตอร์ไซค์หรือรถเครื่องขับก็เพราะเป็นสิ่งจำเป็นจึงต้องเก็บเงินซื้อ เธอซื้อคิดเป็นเงินไทยคันละ 25,000 บาท

อา ชีพไกด์ที่ลาว ถือเป็นอาชีพที่ดี คนรุ่นใหม่อยากทำอาชีพนี้กันมาก เพราะนอกจากได้เงินเดือนแล้ว จะได้เงินพิเศษ คือ เงินทิปจากนักท่องเที่ยวด้วย รวมรายได้แล้วน่าพอใจ อีกทั้งยังได้แต่งตัวดี ได้เที่ยวและได้กินดีด้วย

การเป็นไกด์ที่ลาวสามารถเลือกได้ว่าจะเป็น ไกด์อิสระ โดยไม่รับเงินเดือน หมายถึงว่า จะมีรายได้ต่อเมื่อมีงานรับนักท่องเที่ยวเป็นครั้งๆ ไป

อีกประเภทหนึ่ง เป็นไกด์กินเงินเดือนบริษัท ไกด์ประเภทนี้จะมีงานหรือไม่มีจะได้เงินเดือนแน่นอน

เธอเลือกเอาประเภทหลัง แม้หน้าฝนซึ่งแทบไม่มีนักท่องเที่ยวก็ไม่ห่วงเพราะมีเงินเดือนให้ใช้

ปกติ ค่าทำหน้าที่ไกด์ของเธอวันละ 500 บาท แต่เธอต้องแบ่งให้บริษัท 200 บาท ซึ่งเธอบอกว่าก็ยุติธรรมดีเพราะถ้าไม่มีบริษัทรับงานให้ เธอก็ไม่มีงานทำ อีกทั้งเดือนไหนไม่มีทัวร์เข้า หรือมีแต่น้อย บริษัทยังต้องจ่ายเงินเดือนให้เธออีก

ไม่น่าเชื่อว่า ทั้งๆ ที่เธอพูดไทยได้ค่อนข้างชัด แต่เธอยังไม่เคยมาเที่ยวกรุงเทพฯ

"ที่พูดไทยได้ชัด เป็นเพราะดูละครทีวีของไทย" เธอสารภาพความจริง

เป็นที่รู้กันว่า คนลาวพากันติดละครทีวีของไทยไม่แพ้คนไทย

ไกด์สาวบอกว่า ขณะนี้เธอกำลังเรียนพูดภาษาฝรั่งเศส เพื่อว่าจะได้เป็นไกด์ได้อีกภาษา ทำให้เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น

ผู้ อ่านท่านใดไปเที่ยวเวียงจันทน์แล้วยังหาไกด์พาเที่ยวไม่ได้ เธอบอกว่ายินดีรับใช้ ติดต่อกับเธอโดยตรงได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 007856205725566

เสถียรธรรมสถาน>>>นี่แหละความจริง