Pineapple TH-PH

Done

Friday, February 8, 2008

Creative [is] power : ​รู้จัก​ ​กัมบาริยะ​ (เจ้านักสู้) - ​ชีวิตจริงนักเรียนทุนญี่ปุ่น

​หลัง​จาก​เรารับรู้​ถึง​ความ​กระตือรือร้นของ​ผู้​ประกอบการวัยรุ่นยุ​โรป​ ​ที่หมาย​ความ​ถึง​การ​ "ลด​ ​ละ​ ​เลิก​ ​พึ่งพา​" ​จาก​อเมริกา​ ​จน​ถึง​ความ​หลุดโลกของนักธุรกิจคลื่น​ใหม่​ของอเมริกาที่ทำ​ให้​กิจกรรมบนถนน​เป็น​ธุรกิจขึ้นมา​ได้​

​ทุกครั้งที่อ่านข้อมูลของต่างประ​เทศ​ ​มักนึก​ถึง​คนไทยที่​จะ​นำ​มา​เป็น​กรณีศึกษา​เสมอ​ ​ใน​ที่สุดการ​ค้น​หาสิ้นสุดลง​ ​หลัง​จาก​ได้​ติดต่อพูดคุย​ ​โดย​มีตัวตั้ง​ไว้​ว่า​ ​ผู้​เป็น​กรณีศึกษา​นั้น​ ​จะ​ต้อง​เป็น​ตัวอย่างที่ดี​ ​เป็น​พลังสร้างสรรค์​ให้​กับ​สังคมไทย​ใน​ระยะยาว​ ​มี​ความ​สามารถ​ใน​การเปล่งแสงของตัวเอง​ ​ตลอดจน​เป็น​ตัวแทนแห่ง​ความ​เปลี่ยนแปลง​

​กรณีศึกษาคนไทยนี้​ ​เป็น​คน​ 2 ​รุ่น​ ​คือ​ ​รุ่น​ใหญ่​วัยขึ้นต้น​ด้วย​เลข​ 4 ​ที่ชีวิต​เขา​คง​ไม่​ได้​เพิ่งเริ่มต้นที่​เลข​ 4 ​แน่นอน​ ​เพราะ​ชีวิต​เขา​เริ่มต้นฝ่าฟันมาตั้งแต่มีอณูชีวิตขึ้นมาก็ว่า​ได้​

​ส่วน​รุ่น​เล็ก​เป็น​กลุ่มเด็กหนุ่มวัยเลขขึ้นต้น​ด้วย​เลข​ 2 ​พวก​เขา​มา​กัน​เป็น​ทีม​ ​พร้อม​ความ​หวังยิ่ง​ใหญ่​ที่น่าสนใจ​ ​และ​พวก​เขา​ทำ​ได้​!!!

​งั้นมารู้จัก​กับ​กรณีศึกษารุ่น​ใหญ่​กัน​ก่อน​ ​ไม่​น่า​เชื่อว่า​ ​หนึ่ง​ใน​กรณีศึกษา​จะ​วางโพสิชั่นตัวเอง​ไว้​ที่ระบบราชการ​ ​เขา​เป็น​อาจารย์ของคณะวิทยาศาสตร์​และ​เทคโนโลยี​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ​ก่อนก้าวข้ามแดน​เข้า​มารับตำ​แหน่ง​ผู้​อำ​นวยการสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา​ ​ใน​พระราชูปถัมภ์สมเด็จพระ​เทพรัตนราชสุดาฯ​ ​สยามบรมราชกุมารี​ ​มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์​ ​ศูนย์รังสิต​

​เขา​คือ​ ​รศ​.​ดร​.​สมชาย​ ​ชคตระการ​ ​ผู้​ได้​รับฉายา​ ​กัมบาริยะ​ ​หรือ​เจ้านักสู้​ (Gambariya) ​มา​จาก​อาจารย์ชาวญี่ปุ่น​

​เพราะ​อะ​ไรน่ะ​หรือ​! ​นั่นสิ​ ​น่า​ค้น​หา​ ​เรื่องราวของ​เขา​ ​ช่างปลุกเร้าจิตใจ​และ​ได้​อารมณ์​ ​เป็น​อัศจรรย์ของชีวิตที่​สามารถ​สร้างบทหนังเรื่องหนึ่งเลยก็ว่า​ได้​

....​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​การ​ใช้​ชีวิต​ 10 ​ปี​ ​ที่ญี่ปุ่น​ (พ​.​ศ​. 2527-2537) ​ด้วย​การ​ "​เรียนแบบพลีชีพ" ​และ​ความ​เร็ว​ ​(​ใน​การ​ใช้​ชีวิต) ​ที่​ต้อง​เร็ว​กว่าคนญี่ปุ่น​

​ด​.​ช​.​สมชาย​ ​เกิดที่จังหวัดระยอง​ ​ก่อน​จะ​มีชีวิตพลิกผันมี​ "​เจ้า​โอกาส" ​มาวิ่งชน​

​เขา​เปิดเผยว่า​ ​เป็น​โอกาสเพียง​ "ครั้งแรก​และ​ครั้งเดียว​ใน​ชีวิต" ​โดย​ได้​รับทุน​จาก​รัฐบาลญี่ปุ่น​ (ทุน​ Monbusho) ​เป็น​เวลา​ 2 ​ปีครึ่ง​ ​ใน​การเรียนที่​ Junior college of Tokyo University of agriculture ​และ​เมื่อทุนกำ​ลัง​จะ​หมดลง​ ​ชีวิตลำ​บาก​อยู่​แล้ว​ ​ก็​ต้อง​ดิ้นรนเพื่อ​ให้​ได้​ทุนเรียนระดับปริญญาตรีต่อ​ให้​ได้​ ​และ​ใน​ที่สุด​เขา​ก็​ได้​พบ​กับ​ ​อาจารย์นิชิกาวะ​ ​ผู้​ละทิ้งทรัพย์สิน​ทั้ง​หมด​ ​แล้ว​นำ​มา​เป็น​ทุนการศึกษา​ให้​กับ​นักศึกษาจนๆ​ (Nishigawa Chikusan Foundation) ​คนที่​ ​ดร​.​สมชาย​ ​เรียก​เขา​ว่า​ ​พ่อ​ ​และ​คนคนนี้​เองส่งผล​ให้​ ​รศ​.​ดร​.​สมชาย​ ​ชคตระการ​ ​ใน​วันนี้​ ​เป็น​ดังตัวแทนของบุคคล​ผู้​มี​ความ​สัมพันธ์อันดี​กับ​ญี่ปุ่น​ ​ใน​โอกาสครบ​ความ​สัมพันธ์​ 120 ​ปี​ไทย​-​ญี่ปุ่น​

​หลัง​จาก​ได้​รับทุนการศึกษา​เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาตรี​ ​เขา​ยัง​สามารถ​พิชิตรางวัลวิทยานิพนธ์ดี​เด่น​ ​ซึ่ง​ถือ​เป็น​นักเรียนต่างชาติคนแรกที่​ได้​รับรางวัลนี้​ ​หลัง​จาก​นั้น​ยัง​ได้​ทุนเรียน​ทั้ง​โท​และ​เอก​ ​ต่ออีก​ ​จาก​ Tokyo University of agriculture

​เมื่อเรียนจบปริญญา​เอก​ ​ดร​.​สมชาย​ ​ปฏิ​เสธงานค่าตอบแทนสูงลิ่วที่ญี่ปุ่น​ ​เพราะ​ตั้งใจกลับมา​เป็น​ครู​ ​เพราะ​เขา​เชื่อว่าประ​เทศที่ดี​ ​ต้อง​มีครูที่ทุ่มเท​ ​สิ่ง​นั้น​เป็น​สิ่งที่อาจารย์ญี่ปุ่นปลูกฝัง​โดย​การปฏิบัติ​ให้​ลูกศิษย์​เห็น​

​วันนี้​เขา​จึง​มุ่งมั่นสร้างคน​ ​สร้างดอกเตอร์ผ่านสายสัมพันธ์อันดี​ไทย​-​ญี่ปุ่น​ ​จนบัดนี้มีดอกเตอร์ที่กำ​ลัง​จะ​จบ​จาก​ญี่ปุ่น​ ​ทยอย​กัน​กลับมารับ​ใช้​ประ​เทศผ่านการประสานงานของ​เขา​ ​ตลอดจนการแลกเปลี่ยนนักศึกษา​ ​และ​การส่งนักศึกษา​ไปดูงาน​

​เขา​ไม่​ย่อท้อ​ใน​การทำ​ความ​ดี​ ​และ​ไม่​รีรอการข้ามเขตแดนอย่างเท่​ ​กับ​อาจารย์สอนเทคโนโลยีการเกษตรสู่​ ​ผู้​บริหารสถาบันเอเชียตะวันออกฯ​ ​ซึ่ง​เป็น​สถาบันวิจัย​ ​และ​เดินหน้าประสานงาน​กับ​หน่วยงานภายนอก​โดย​ลบเส้นแบ่งว่า​ "งานราชการ​ ​ต้อง​ทำ​ตัวแบบราชการ"

​ตอนนี้​ ​กัมบาริยะ​ ​เจ้านักสู้​ ​กำ​ลังมีภารกิจ​ใหญ่​หลวง​ ​เป็น​ทั้ง​เรือจ้างฝีพาย​ ​คนคัดท้าย​ ​ถือ​เป็น​ผู้​บริหารคนรุ่น​ใหม่​ไฟแรงที่บอกว่า​ ​การไปญี่ปุ่น​เป็น​ประสบการณ์ที่​เขา​มี​เพื่อน​ ​มีสายสัมพันธ์​ ​ซึ่ง​แตกต่าง​จาก​บางคนที่จับกลุ่มแต่​กับ​ชาวไทย​ ​และ​ไม่​ได้​ความ​เป็น​เพื่อน​จาก​ชาวญี่ปุ่นกลับมา​เลย​

​รวม​ถึง​คำ​สอน​จาก​ ​อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่ว่า​ "ญี่ปุ่น​ไม่​ได้​มีอะ​ไรเลย​ ​พวก​เขา​ต้อง​กอบกู้ประ​เทศขึ้นมา​จาก​ซากสงคราม​ ​แต่สิ่งเดียวที่ญี่ปุ่นมี​และ​มีมาก​ด้วย​คือ​ ​ทรัพยากรบุคคล​ ​เป็น​ทรัพยากรบุคคลที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประ​เทศจนขึ้นมา​อยู่​แถวหน้า​ใน​โลก"

​สู้ต่อไป​ ​กัมบาริยะ​ !!@

1 comment:

Anonymous said...

ขอยกย่องอาจารย์ครับ แจะเอาอาจารย์เป็นแบบอย่าง เคยได้เรียนกับอาจารย์ด้วย ดีใจจังครับ (ขอโทษครับที่ไม่ตั้งใจเรียนเท่าที่ควร)