แพทย์เชี่ยวชาญอายุรวัฒน์นานาชาติแนะ 3 วิธีง่ายๆ ช่วยคนไทยลดสังขารเสื่อมก่อนวัย
อย่านอนดึก เลี่ยงแป้งน้ำตาลคุมน้ำหนัก กินผักใบเขียววันละ 5 กำมือ ปลาทู 2 ตัว มีสารช่วยต้าน
อนุมูลอิสระ
ซิตอัพวันละ 30 ครั้ง ฝึกหายใจลึกช่วยสติดีขึ้นชะลอแก่เร็ว
กรณีนายสำอาง สืบสมาน หัวหน้าโครงการวิจัยสุขภาพ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.)
เปิดเผยผลงานวิจัยคนไทยประสบปัญหาภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควร สาเหตุจากโรคอ้วน ความดัน
โลหิตสูง
เบาหวาน การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมในการบริโภคที่เสี่ยง
ขณะที่ชายไทยฮิตเป็นโรคความดันโลหิตและโรคตับ
ส่วนหญิงเป็นโรคคอพอกและหืดหอบนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ผ ู้ อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ (International Anti-Aging
Institute: IAAI) กล่าวว่า
การเข้าสู่ภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควรกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะนำไปสู่
สังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
มีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
"สาเหตุของภาวะเสื่อมสังขาร แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย คือ
1.ปัจจัยภายในที่เกิดจาก การสะสมของความเครียด ยิ่งขณะนี้ปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งภายในและภาย
นอกประเทศ
ยิ่งทำให้คนไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น การก้าวสู่ภาวะแก่ก่อนวัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากนี้ ปัญหา
ความเครียด
จะพบมากในคนเมืองหลวง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพราะเป็นเมืองที่มีแต่การแข่งขัน
มลภาวะสูง และ
2.ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม
มลภาวะเป็นพิษต่างๆ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภค ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะ
อาหารจำพวกแป้ง
น้ำตาล กาแฟ จะมีสารที่ทำให้แก่สูงหรือที่เรียกว่า สารอนุมูลอิสระ
"พฤติกรรมการนอนหลับยังทำให้คนไทยแก่เร็วด้วย เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมนอนช่วงเวลาเที่ยงคืน
เป็นต้นไป
ทั้งๆ ที่ เวลาที่ควรนอนหลับพักผ่อนมากที่สุด คือ ช่วง 4 ทุ่ม และตื่นนอนตอน 6 โมงเช้า เพราะเป็น
ช่วงที่ธาตุหนุ่มสาวหรือ
โกรท ฮอร์โมน (growth hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมามากที่สุด
ในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่หากเรานอนหลับหลังจากนั้นก็จะลดการหลั่งของธาตุหนุ่มสาว สังเกตได้ว่าคนกรุงจะแก่เร็วมากขึ้น
เพราะส่วนใหญ่จะนอนดึกๆ กัน
แต่หากลองมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนเสียใหม่ แค่เพียง 1 สัปดาห์ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที"
นพ.กฤษดากล่าวว่า สำหรับวิธีชะลอความเสื่อมของสังขารนั้นไม่ยาก ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของตัว
เอง โดยใช้วิธีง่ายๆ
ที่เรียกว่า 3 H ประกอบด้วย
1.Healthy Weight รู้จักควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วน โดยการเลี่ยงแป้งและน้ำตาล
โดยเฉพาะในอาหารจำพวกขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ ส่วนน้ำตาล หลายคนหันมาบริโภคสารให้ความหวาน
แทน
ซึ่งสารเหล่านี้ข้อควรระวังคือ ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร หรือถูกความร้อนสูงๆ เพราะมีงานวิจัย
หลายชิ้นทั้งใน
และต่างประเทศระบุว่า เมื่อสารให้ความหวาน ประเภทน้ำตาลเทียมได้รับความร้อนสูงๆ อาจมีความ
สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งได้
ดังนั้น การจะบริโภคน้ำตาลเทียมควรเลือกสารให้ความหวานที่ผลิตจากธรรมชาติ อาทิ ชะเอมเทศ
หรือหญ้าหวาน เป็นต้น
"2.Healthy diet and Lifestyle บริโภคผักใบเขียวโดยควรบริโภคประมาณวันละ 5 กำมือ
และปลาทูอีก 2 ตัว
อาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารที่ช่วยต้านพวกสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ หรืออนุมูลอิสระได้ และควรทำควบคู่
ไปกับการออกกำลังกาย และ
3.Healthy Mind คือต้องมีกำลังใจที่ดี มีจิตและสมาธิอยู่กับปัจจุบัน โดยให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้อง
ป่อง
และกลั้นหายใจสัก 4 วินาที จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกจะช่วยให้มีสติดีขึ้น"
นพ.กฤษดากล่าวว่า ที่สำคัญควรรู้จัก ฝึกการใช้สมอง 2 ซีกอย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่ใช้สมองเพียง
ซีกเดียวจะทำให้เกิดความเสื่อมตามมา หากเราถนัดมือขวาก็แสดงว่า สมองซีกซ้ายเราเด่น เราต้อง
ทำให้สมองซีกขวาเด่นด้วย โดยการฝึกใช้มือซ้าย หรือให้ฝึกการใช้สัมผัสอื่นๆ ที่เราไม่ถนัด นอกจากนี้
การที่เรารู้สึกหิวนิดๆ ก็จะทำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งออกมามากด้วย เพราะเมื่อร่างกายเริ่มหิวจะสั่งไปที่
สมองให้หลั่งสารให้สมองรู้สึกโล่ง จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น การที่รู้สึกดีก็จะทำให้จิตใจดีช่วยชะลอความแก่
ไปในตัว
"ที่สำคัญการออกกำลังกายจะช่วยได้มากในเรื่องนี้ ยิ่งการซิตอัพจะทำให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนขึ้น
เพราะจะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ดังนั้น ในแต่ละวันควรซิตอัพอย่างน้อย 30 ครั้ง" นพ.กฤษดา
กล่าว และว่า ปัจจุบันคนทำงานนิยมดื่มกาแฟกันมาก ทั้งๆ ที่กาแฟเป็นตัวทำลายความอ่อนเยาว์ แต่จะ
ให้เลิกกาแฟคงยาก ดังนั้น ไม่ควรทานกาแฟเกินวันละ 1 แก้ว หรือควรทานกาแฟเพียงวันละ 2 ช้อน
ชาก็เพียงพอ ที่สำคัญอย่าลืมว่า กาแฟยิ่งร้อนเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้กับคาเฟอีนซึ่งเป็นตัวอ
นุมูลอิสระที่สำคัญ
No comments:
Post a Comment