Pineapple TH-PH

Done

Saturday, May 15, 2010

Color Therapy ศาสตร์แห่งสีเพื่อการบำบัดโรค

Color Therapy ศาสตร์แห่งสีเพื่อการบำบัดโรค
 


สีต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่เราสามารถรับรู้ และมองเห็นได้ด้วยตาเท่านั้น แต่พลังของสี ยังส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และการตัดสินใจของเราอีกด้วย พญ. เรขา กลลดาเรืองไกร จิตแพทย์ ได้เล่าถึงหลักการทำงานของสีไว้ว่า สีแต่ละสีมีความยาวคลื่น (Wave length) และความถี่ (Frequency) ที่แตกต่างกัน เมื่อจอประสาทตาของเรารับแสงสีต่างๆผ่านเข้าไปสู่ต่อมไพเนียลในสมอง (ต่อมไพเนียลทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเรา เช่น การกิน การนอน การขับถ่าย เป็นต้น) ต่อมไพเนียลจะมีปฎิกิริยาในการตอบสนองต่อสีแต่ละสีแตกต่างกันออกไป ซึ่งส่งผลให้ความรู้สึก จิตใจ ฮอร์โมน และอารมณ์ในร่างกายของเราในขณะนั้น รู้สึกแตกต่างกันออกไป เช่น เมื่อจอประสาทตารับแสงสีแดงจะทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตัว รับแสงสีม่วงจะทำให้รู้สึกสงบ เป็นต้น

ด้วยความหลากหลายของสี นี่เอง นักจิตวิทยาจึงสามารถนำพลังของแต่ละสีมาปรับใช้เพื่อบำบัดอาการเจ็บป่วย ต่างๆของร่างกายและจิตใจให้กับผู้ป่วยมากมายในปัจจุบัน โดยเรียกศาสตร์แห่งการรักษานี้ว่า สีบำบำบัด หรือ Color Therapy

พลัง แห่งสีกับการบำบัดโรค

การใช้สีบำบัดสามารถแบ่งชนิดหรือโทนของสีออก เป็นสองแบบคือ สีโทนร้อน และสีโทนเย็น 

กลุ่มสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง จะเป็นกลุ่มสีที่ทำให้เกิดความรู้สึกมีพลัง เร่าร้อน  กระตือรือร้น และกระฉับกระเฉง ในทางจิตวิทยาความแรงของสีโทนร้อนจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเจริญอาหาร ทำให้เกิดความรู้สึกหิว และกระตุ้นให้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

  • สี เหลือง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
    สีเหลืองเป็นสีแห่งความสนุกสนาน ความฉลาดรอบรู้ สดใสร่าเริง และทำให้มีอารมณ์ขัน ทั้งนี้ผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองมักอุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันหวัดและช่วยเสริมสร้างความเจริญเติบโตในร่างกาย พลังของสีเหลือง ช่วยให้ระบบการทำงานของน้ำดีและลำไส้เป็นไปตามปกติ ช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ทั้งยังสามารถใช้เยียวยาอาการท้อแท้หดหู่และหมดกำลังใจของผู้ป่วยบางประเภท ได้อีกด้วย
  • สีส้ม รักษาโรคหอบหืด
    สีส้มเป็นสีแห่งความสร้าง สรรค์ อบอุ่น สดใส มีสติปัญญา ความทะเยอทะยานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และในขณะเดียวกันก็มีความระมัดระวังไปในตัว ผลไม้และผักที่มีสีส้มอุดมด้วยวิตามินบี ที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด เผาผลาญแป้งและน้ำตาล บำรุงระบบประสาท พลังของสีส้ม ช่วยคลายอาการหอบหืด และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ช่วยรักษาความผิดปกติของม้าม ตับอ่อน ลำไส้ ทั้งยังช่วยในการดูดซึมอาหารของกระเพาะและลำไส้ได้เป็นอย่างดี

    ใน ทางจิตวิทยา พลังของสีส้มมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการซึมเศร้า หากคุณต้องการเรียกพลังความกระตือรือร้นในชีวิตให้กลับคืนมา สีส้มเป็นสีที่คุณควรมองหาและนำมาประยุกต์ใช้ให้มากที่สุด
  • สี แดง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
    สีแดง เป็นสีที่กระตุ้นระบบประสาทของเราได้รุนแรงที่สุด ให้ความรู้สึกเร้าใจ ตื่นเต้น ท้าทาย ตื่นตัว ผักและผลไม้สีแดงเป็นแหล่งของวิตามินบี 12 ทองแดงและเหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาท พลังของสีแดงกระตุ้นพลังชีวิตให้มีความเข้มแข็ง กระตือรือล้นและมีชีวิตชีวา ในแง่ของการรักษา สีแดงมีอิทธิพลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย เพิ่มพลังในระบบการไหลเวียนของเลือด และรักษาอาการหวัด

    เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ควรรีบหาสีแดงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันโดยเร็ว ทั้งนี้เพราะพลังแห่งความมั่นใจ กล้าแสดงออก และความรักที่มีอยู่ในสีโทนร้อนเช่นสีแดงนั้นจะสามารถสร้างความรู้สึกเชื่อ มั่นในตัวเองให้กับคุณได้เป็นอย่างดี
  • สีม่วง ปรับสมดุลในร่างกาย
    สีม่วง เป็นสีแห่งผู้รู้ ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจ และสร้างความสงบในจิตใจได้เป็นอย่างดี ผักและผลไม้ที่มีสีม่วงเต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินดี ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงาน ช่วยในการย่อยอาหาร พลังของสีม่วงช่วยปรับสมดุลในร่างกายของเราให้กลับมาเป็นปกติ ใช้บำบัดโรคไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคผิวหนังบางชนิด อีกทั้งยังช่วยในการบำบัดโรคไขข้อได้อีกด้วย

    จากการวิจัยพบว่าพลัง ของสีม่วง ยังช่วยให้สมองของเราสงบ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจในด้านต่างๆ ทั้งยังก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในตัวเราไปในคราวเดียวกัน เมื่อคุณต้องขบคิดกับปัญหาที่ยังไม่สามารถหาทางออกได้ การนำสีม่วงเข้ามาประยุกต์ใช้กับข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่รอบตัวคุณ จะทำให้คุณสามารถตัดสินใจกับเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้น


กลุ่มสีโทนเย็น
 ช่น สีเขียว สีน้ำเงิน สีฟ้า เป็นต้น เป็นกลุ่มสีที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สงบ ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ และไม่ทำให้เครียด สีโทนเย็นจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องทำงานหนักและใช้ความคิดเป็นอย่าง มาก

  • สีเขียว บรรเทาอาการเครียด
    สีเขียวเป็นสีที่เด่นที่สุดบน โลก ให้ความรู้สึกร่มรื่น สบายตา ผ่อนคลาย ปลอดภัย ทำให้เกิดความหวังและความสมดุล นอกจากนี้ผักผลไม้สีเขียวก็อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญมากมายโดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งช่วยในการสมานแผล ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เล็บสวย ฟันสวย เพิ่มความต้านทานโรค ในด้านการรักษา ใช้เมื่อต้องการผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะพลังของสีเขียวสามารถทำให้ประสาทตาผ่อนคลาย และความดันโลหิตของเราลดลงได้ ทั้งยังช่วยผ่อนคลายระบบประสาท ป้องกันการจับตัวของก้อนเลือด ต่อต้านเชื้อโรค รักษาอาการของคนเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เยื่อบุอักเสบ เป็นต้น
  • สีน้ำเงิน บรรเทาความดันสูง
    สีน้ำเงิน เป็นสีที่มีความสุขุม เยือกเย็น หนักแน่น และละเอียดรอบคอบ พลังของสีน้ำเงิน ทำให้ระบบหายใจของเราเกิดความสมดุลและแข็งแรงขึ้น ใช้ในการรักษาโรคความดันสูง และคลายความเหงา อีกทั้งยังเป็นสีที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจและการแสดงออกทางศิลปะได้ดีอีก ด้วย
  • สีฟ้า บรรเทาโรคปอด
    สีฟ้า เป็นแม่สีที่ให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็น เป็นอิสระ ปลอดโปร่ง สบาย ปลอดภัย ใจเย็น และระงับความกระวนกระวายในใจได้ดี พลังของสีฟ้ามีคุณสมบัติในการรักษาอาการของโรคปอด ลดอัตราการเผาผลาญพลังงาน รักษาอาการเจ็บคอ และทำให้ชีพจรของเราเต้นเป็นปกติ


เมื่อ รู้จักประโยชน์ของสีแต่ละสีกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันต่อดีกว่า ว่าจะสามารถนำสีสันทั้งหลายเหล่านี้มาปรับและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของ เราได้อย่างไรบ้าง


สีบำบัดกับการปรับใช้ใน ชีวิตประจำวัน

แม้ผลการรักษาอาการผิดปกติของร่างกายโดยการใช้ สีบำบัดจะไม่เห็นผลชัดเจนเท่ากับการกินยา แต่การนำความรู้เรื่องประโยชน์ของสีมาบำบัดอาการต่างๆนั้นก็ทำให้อาการต่างๆ ของโรคที่เป็นอยู่ดีขึ้นได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถทำได้ในทันที เพียงแค่นำของที่มีและใช้อยู่เดิมในชีวิตประจำวันมาปรับใช้ให้เข้ากับอาการ ที่เป็นอยู่ เช่น ทาห้องครัวเป็นสีส้ม ใช้จานใส่อาหาร หรือแก้วน้ำเป็นสีแดง เพื่อกระตุ้นการเจริญอาหาร หรือสำหรับคนทำงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นประจำ ก็ควรนำความรู้เรื่องสีมาปรับใช้ เช่น หาต้นไม้สีเขียวต้นเล็กๆมาไว้ที่โต๊ะทำงาน นำดอกไม้โทนสีร้อนเช่น ดอกกุหลาบ ดอกลาเวนเดอร์มาปักแจกัน เพื่อลดความเครียด และกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ 

อย่าง บางคนที่นอนหลับยาก ก็ไม่ควรเลือกใช้เครื่องนอนที่มีสีเข้ม เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ยิ่งเครียดและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ผนังห้องนอนก็ควรทาสีโทนเย็น เช่น สีฟ้าอ่อน สีเขียวอ่อน ชมพูอ่อน เพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับง่าย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกใส่แต่เสื้อผ้าสีเดียวอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดอาการไม่สมดุล และในขณะเดียวกันก็ไม่ควรวิตกกังวลกับการเลือกใช้สีมากเกินไป แค่ประยุกต์สีสันบนข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันให้เข้ากับตัว เองมากที่สุดก็เพียงพอแล้ว

No comments: