ชีวิตนี้ไม่อยากเกิดอีกแล้ว อยากหลุดพ้นจากความทุกข์ ระหว่างทางที่ยังไปไม่ถึง
ตรงนั้น ก็ทำงานทำ
ธุรกิจเป็นสัมมาอาชีพไป ไม่ต้องใหญ่โต ไม่ได้คิดว่าต้องมีเงินเยอะๆ คนเราจะกิน
ข้าววันละกี่บาทกัน
เชียว เศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ มันคือความพอที่ใจ ทุกวันนี้เงินทองมีพอใช้ มีรถ
ขับ มีคอนโดฯ อยู่
ชีวิตไม่ลำบาก มีเหลือก็ช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบากกว่าค่ะ"
ใครจะเชื่อว่านี่จะเป็นเป้าหมายชีวิตของคนที่เคยมีเงินเดือนครึ่งล้าน คนที่มี
การช็อปปิ้งและดื่มเหล้า
เป็นวิธีหาความสุขใส่ชีวิต คนที่ทำงานในแวดวงการตลาดซึ่งต้องใช้สารพัดกลยุทธ์
เพื่อแข่งขันให้สินค้า
และธุรกิจเติบโต โดยมีตัวเลขการเติบโตเป็นหนึ่งในปัจจัยวัดความสำเร็จ คนที่เคย
ปฏิเสธการนุ่งขาว
ห่มขาววิปัสสนาด้วยเหตุผลว่า ถ้าบอกไม่ได้ว่าสีของเสื้อสัมพันธ์อย่างไรกับผล
ของการประสบความ
สำเร็จในการปฎิบัติก็อย่ามาบอกว่าต้องใส่สีอะไร
วรัตดา ภัทโรดม-เหมียว CEO บริษัท Amity Consulting Co.,Ltd. และเป็นที่ปรึกษา
ด้านการ
ตลาดให้กับบริษัทและองค์กรธุรกิจที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย ย้อนหลังไปเมื่อ
ยี่สิบกว่าปีก่อน เธอเป็นคน
ไทยคนแรกๆ ที่จบมาทางด้าน Direct Marketing ทันทีที่จบปริญญาโทด้านนี้
จากอเมริกา เธอก็เริ่ม
ต้นทำงานด้วยวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่โลกธุรกิจในเมือง
ไทยกำลังต้องการคนที่มี
ความรู้ด้านนี้ นั่นทำให้ความสำเร็จ ชื่อเสียง การเป็นที่ยอมรับและรายได้
มหาศาลหลั่งไหลเข้ามาใน
ชีวิตเธออย่างท่วมท้นในเวลาอันรวดเร็ว
เริ่มต้นการทำงานด้วยตำแหน่งผู้จัดการแผนก 4 ปีเศษเงินเดือนขยับจากหมื่นสอง
เป็น เกือบ 5 หมื่น
และเป็น 3.5 แสนเมื่ออายุ 29 ถูกทาบทามให้ไปตั้งบริษัท เป็นผู้ถือหุ้น ที่
ปรึกษา อาจารย์และผู้
บรรยายทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 สื่อรุมล้อมให้ความสนใจ จน
ชื่อเสียงโด่งดังเป็น
ที่รู้จักไปทั้วในวงการธุรกิจ เอเจนซี่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมๆ กับความ
สำเร็จที่กำลังพุ่งทะยาน
อัตตาในตัวเธอก็ค่อยๆ สะสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และต่อมามันได้กลายเป็นเหตุที่นำ
เธอเข้าสู่การปฏิบัติ
ธรรมจนได้พบกับ 'ชีวิตเกิดใหม่' เช่นทุกวันนี้
"
เหมียวเมื่อก่อนเป็นคน aggressive มากเวลาทำงาน จะหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย
อารมณ์ร้ายโดย
เฉพาะเวลาที่คนทำอะไรไม่ได้อย่างใจ ก็จะพูดจาแรงๆ ทำร้ายคนอื่น พูดเสียงดังมา
กกกก คิดดู
ออฟฟิศพันตารางเมตรได้ยินเสียงเหมียวทั้งฟลอร์ ค่อนข้างดูถูกคนที่ทำอะไรไม่ได้
อย่างใจเรา มอง
เขาแบบ look down ว่าทำไมแค่นี้ทำไม่ได้ ทำไมช้า วันๆ หนึ่งมีเรื่องให้ฉุนจน
โมโหไม่รู้กี่ครั้ง
โมโหจนมือสั่น คอตีบเดือนนึงต้องมี 2-3 ครั้ง แม่บ้านทำสีตกใส่เสื้อผ้าก็โกรธ
เป็นฟืนเป็นไฟ เป็น
อย่างนี้มาตั้งแต่วัยรุ่นนานวันเข้าดีกรีมันเริ่มมากขึ้นๆ ขนาดใครขับรถปาดหน้า
เราก็ขับปาดคืน กระทั่ง
จอดรถลงไปหยิบกรวยส้มที่วางกั้นบนถนนขว้างใส่คนอื่นก็ทำมาแล้ว ของมันขึ้นความ
ไม่กลัวไม่มีเลย
ตอนนั้นรู้สึกแต่ว่าชีวิตมันเครียด พอเครียดทำอะไรล่ะ ผู้หญิงก็ช้อปปิ้งซื้อ
กระเป๋า นาฬิกา ซื้ออะไร
เลอะเทอะ ที่คาดผมอันละ 5-6 พันก็ซื้อ ไม่ใช่เพราะอยากได้นะ แต่มีความสุขไง พอ
หงุดหงิดเครียด
ก็ดื่มเหล้า ทุกวันศุกร์ เสาร์ ต้องไปเมา รู้สึกดื่มแล้วอารมณ์ดี ก็ดื่มตลอด
เพราะอยากได้อารมณ์แบบนั้น
ติดกับอารมณ์แบบนั้น ท่านโกเอ็นก้าเรียกว่า Emotional Addiction เป็นอย่างนี้
4-5 ปี ไม่เคยรู้
ตัวเลยว่าการกระทำแบบนี้มันสะท้อนว่าเราไม่มีความสุข"
กระทั่งวันหนึ่งเสียงที่เธอตะเบ็งด่าใส่คนอื่นด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังสะท้อน
กลับมาให้เธอได้ยิน นั่น
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เริ่มรู้สึกถึงอารมณ์
ฉุนเฉียวของตัวเอง เป็น
ครั้งแรกที่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมจึงไม่มีความสุข และเป็นจุดเริ่มต้นที่พา
ให้เธอเดินไปพบกับหน
ทางแห่งความสุขที่แท้จริงของชีวิต
"
คนรอบๆ ตัวพ่อแม่ เพื่อนก็บอกนะว่าเราทำไมขี้หงุดหงิดจัง ทำไมโมโหง่ายจัง แต่
เราไม่เคยคิดอย่าง
นั้น คิดแต่ว่าฉันปกติ จนวันที่ไปช็อปปิ้ง เหมียวบอกขอดูนาฬิกาสีฟ้ากับพนักงาน
ไป แต่เขาไม่สนใจ เรา
บอกย้ำไปอีก ทุกครั้งที่บอกเสียงเหมียวก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาหยิบมาให้แต่เป็น
สีเขียว คราวนี้โกรธ
มากเลย บอก 3 ครั้งไม่ฟังแล้วยังหยิบผิดอีก เลยพูดกับพนักงานไปว่า 'ตาบอดสี
หรือไง บอกสีฟ้าหยิบ
สีเขียว' แต่โชคดีมากที่พอทำไปอย่างนั้นแล้วมันรู้สึกได้ยินเสียงตัวเอง รู้สึก
ว่าทำไมต้องโกรธเขา
ขนาดนั้น คิดได้ก็ขอโทษเขา พอขึ้นรถร้องไห้เลย มองหน้าตัวเองในกระจกก็รู้สึก
ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
นี่ไม่ใช่เหมียวคนเดิมนี่ แล้วคำพูดของคนที่รักเราก็ค่อยๆ วิ่งเข้ามาในหัวเป็น
ฉากๆ
กลับบ้านก็เขียนเลย เหมียวแต่ก่อนนิสัยยังไง เหมียวปัจจุบันนิสัยแย่ยังไง ก็
คิดว่าทำไมคนนี้ถึงเปลี่ยน
เป็นอีนี่ อะไรทำให้เหมียวคนนี้กลายเป็น Meow 'the bitch' ก็เจอคำตอบว่าเพราะ
ความสำเร็จ
เงิน หน้าที่การงาน ชื่อเสียง ตอนนั้นรู้สึกเหมือนคนอกหักกับสิ่งที่เราได้ยิน
มาตลอดชีวิต เรียนจบสูงๆ
มีเงิน มีงานดีๆ มีชื่อเสียง เราได้ทุกอย่างที่ใครบอกว่าทำแล้วจะมีความสุข แต่
ทำไมเราถึงไม่มีความ
สุข คิดในใจว่าเกิดมาทำไม ทำงานหนักไปทำไม ตายไปผมเส้นเดียวก็เอาไปไม่ได้ ที
นี้มันเริ่มไม่เป็น
เหตุเป็นผลกัน แล้วเราจะทำไปทำไม"
จากการทบทวนตัวเองในวันนั้นทำให้เธอตัดสินใจปิดบริษัท หันหลังให้กับชีวิตแบบ
เดิมๆ เพื่อตัดเอาสิ่งที่
เคยเชื่อว่าเป็นปัจจัยสร้างสุขออกไป โดยที่ยังไม่รู้สาเหตุหลักของความทุกข์
เธอออกเดินทางท่
องเที่ยว ดำน้ำอยู่ปีเศษๆ แม้ผลที่ออกมาจะทำให้มีความสุขเข้ามาในชีวิต คนรอบ
ข้างรู้สึกว่าพฤติกรรม
เธอดีขึ้น แต่เธอก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนกับตัวเอง จนเมื่อได้เข้าไปปฏิบัติ
ธรรม คำถามต่างๆ นานา
ในใจก็ถูกคลี่คลาย
"
มีหมอดูบอกว่าให้ไปวิปัสสนาแต่ก็ยังไม่ไป จนพี่ปิ๋มมาทักว่าไม่คิดจะไปวิปัสสนา
บ้างเหรอ ก็โอเคไป ไป
วิปัสสนาของท่านโกเอ็นก้าไปอยู่ 10 วันๆ นี้ห้ามพูดเลย 3 วันแรกนี่ทรมานมาก
เขาให้เฝ้าดูลมหาย
ใจ แต่เรา 1 2 3 ใจมันก็ไปไหนต่อไหนแล้ว นั่งนี่ก็เจ็บ แล้วเป็นคนทำอะไรต้อง
สำเร็จก็พยายามจะ
เอาชนะ แต่ยิ่งสู้มันยิ่งเจ็บ วันที่ 4 เริ่มอยากกลับบ้าน คิดในใจว่ากูมาทำ
อะไรที่นี่ เก็บของเตรียม
กลับบ้าน พอเดินออกมาเห็นเลข 5 ติดบนบอร์ดก็คิดว่ามาตั้งครึ่งทางแล้ว เอาวะ ทน
อีกหน่อย
การนั่งวิปัสสนาครั้งแรกนี้มีความเจ็บปวดมากค่ะ ปวดทั้งตัว พอวันที่ 6 ก็ยัง
ไม่หายเจ็บเราก็ทน ทน
มาทุกวัน เพราะอุเบกขาทำยังไงยังทำไม่เป็น นึกขึ้นได้ว่าก่อนมาปฏิบัติ มีพระ
อาจารย์บอกว่า เวลาที่
เราภาวนาเจ้ากรรมนายเวรจะขัดขวางไม่ให้เราทำสำเร็จ จะทำให้เราเจ็บบ้าง ทำอย่าง
อื่นบ้าง
แล้วแต่คน ของเหมียวนี่เจ็บร้าวอย่างเดียวคะ ถึงวันที่ 6 ตอนบ่ายนี่เหมียว
ประกาศในใจว่า 'มึง
กระทืบกูอย่างนี้มึงฆ่ากูดีกว่า ชั่วโมงนี้อยากกระทืบก็กระทืบไปแต่กูจะไม่เจ็บ
กับมึงแล้ว' เป็นการเรียน
ภาวนาแบบนักเลงมาก
ทีนี้เวลาเราเจ็บเนี่ย ร่างกายเจ็บแล้วเราก็ทำให้ความเจ็บปวดมันมากขึ้น โดย
ปล่อยให้ใจของเรามัน
ไปไม่ชอบ ไปเกลียดความเจ็บด้วย เลยยิ่งทนไม่ไหวใหญ่เลย (Multiple physical
pain by
making it a mental pain) ดังนั้นถ้าเราเอาใจเราไปตั้งไว้กับความเจ็บทางกายและ
ปล่อยให้
มันปรุงแต่งความไม่ชอบตามสบาย เราก็ยิ่งเจ็บ ท่านอาจารย์ โกเอ็นก้าพูดในเทปตอน
ก่อนเริ่มนั่
งพอดีว่า ให้เราหัดยอมรับ ยิ้มรับความเจ็บปวดให้เป็น พอเริ่มเจ็บมากก็จำได้ว่า
เราเพิ่งประกาศว่า
เราจะไม่เจ็บด้วยแล้ว เหมียวเลยสูดลมหายใจเต็มปอด ยอมรับว่าเราเจ็บและยิ้มเลย
ค่ะ นาทีนั้นเป็น
ครั้งแรกในชีวิตที่เริ่มเข้าใจว่า อุเบกขาทำยังไง ปล่อยอะไรวางอะไร อยู่จนครบ
10 วัน พอเขาให้
พูดคำแรกเลยว่า 'เกิดใหม่แล้ว' น้ำตาไหล ปิติมาก
หลังจากปฏิบัติธรรมมาหลายคนก็บอกว่าเหมียวเปลี่ยนไป หลังจากปฏิบัติครั้งแรก
ประมาณ 3 เดือน
ตอนนั่งทานข้าวอยู่ คุณแม่ถามว่า 'เหมียวไปทำอะไรมาลูกหน้าตาใจดีขึ้น หน้าลูก
ก็เปลี่ยน แววตาก็
เปลี่ยน' เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนโกรธน้อยลงมากๆ เหลือแค่ประมาณ 1% เมื่อเทียบกับ
เมื่อก่อน เรียกได้
ว่าไม่เป็นบ้าแล้ว ถ้าเกิดการหงุดหงิดก็ประมาณไม่กี่นาทีหรือไม่กี่วินาทีเท่า
นั้นเอง
ในการทำงานเมื่อก่อน ชอบว่าลูกน้องว่าฟังไม่รู้เรื่อง ทำไมพูดแค่นี้ไม่เข้าใจ
หรือ เป็นคนที่มี
listening skill ต่ำ ฟังน้อยพูดมาก เดี๋ยวนี้เมื่อเกิดปัญหาหรือลูกน้องทำ
งานพลาด จะถามเขา
ก่อนว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้น โดยไม่หงุดหงิดหรือโกรธเลย จะคุยแบบขำๆ ซะ
มากกว่า เราเองก็
ถามตัวเองก่อนเสมอว่า เหมียวสามารถคิดหาวิธีการทำงาน หรือเปลี่ยนวิธีการอธิบาย
อย่างไรเพื่อให้
เขาเข้าใจได้มากกว่านี้ เรานั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เขาฟังไม่รู้
เรื่อง การทำงานดุได้ ติเตียน
ได้ค่ะ แต่ต้องทำด้วยใจที่มีแต่ความหวังดี ไม่โกรธ
ประมาณ 5 ปีที่แล้ว มีน้องคนหนึ่งทำงานมาไม่โอเค เหมียวก็บอกเขาว่า งานออกมา
อย่างนี้แสดงว่า
ยังเตรียมตัวมาไม่ดีพอ ครั้งนี้พี่จะเขียนให้ก่อน แต่ครั้งหน้าต้องเตรียมให้
พร้อมกว่านี้ ระหว่างคุยๆ อยู่
ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้าแล้วเขาก็รับโทรศัพท์ค่ะ เราก็หยุด รอจนเขาพูดโทรศัพท์จบ
ก่อนแล้วก็คุยต่อ เขา
พูดโทรศัพท์สัก 3 ครั้งได้ระหว่างที่เรากำลังคุยกับเขา พอเขาลุกไป น้องอีกคน
ที่นั่งอยู่ด้วยซึ่ง เขาทำ
งานกับเหมียวมา 10 ปีตั้งแต่อยู่กันที่อีกบริษัทหนึ่ง อ้าปากค้างเลยแล้วบอกว่า
'พี่เหมียวถ้าเป็นเมื่อ
ก่อนใครทำแบบนี้ต้องโดนว่าอย่างหนักหรือไม่ก็โดนไล่ออกเลยนะ' 'ทำไมพี่ไม่โกรธ
เลยล่ะ' ซึ่งถ้า
เป็นเมื่อก่อนเหมียวอาจจะให้เด็กคนนี้เก็บของออกไปจากบริษัทเลย พรุ่งนี้อย่า
ให้ฉันเห็นหน้าเธอนะ
หลังจากใจเราสะอาดขึ้น ใจเราได้เข้าโรงเรียน ใจของเราๆ สามารถสั่งได้ ใจไม่
ดื้อ ไม่เป็นบ้า
ใจหายป่วยและแข็งแรงกว่าเก่ามากค่ะ เวลาที่เจอลูกค้าโวยวายไม่น่ารัก ก็คิดในใจ
โถ...เขาสาด
ไฟใส่เราเรื่องอะไรเราจะไปสาดเบนซินใส่ เขาอีก จริงๆ เขาไม่ได้ทำร้ายเราแต่เขา
กำลังทำร้าย
ตัวเองอยู่ เราเองก็เคยเป็นอย่างนั้น ดังนั้น โถ…
ในใจและส่งความรัก ความปารถนาดีให้ ไม่มีหน้าหงิกหน้างอ หรือมีคำพูดเปรี้ยวๆ
ใส่เขากลับไปอีก
ต่อไป เมื่อใจของเราสว่างแล้ว ใจของเรามีความเมตตามากขึ้น อะไรๆ ก็ค่อยๆ
เปลี่ยนไปในทางที่
ดีขึ้น
ตั้งแต่ประมาณ 1 ปีหลังจากส่งใจไปโรงเรียน เวลาเหมียวเจอคนขับรถปาดหน้า ใจของ
เหมียวไม่
เห็นด้วยซ้ำไปว่าเขาปาดหน้าค่ะ ใครรีบให้เขาไป คิดว่า โถ… เขาคงรีบ คิดว่าเวล
าเรารีบเราก็
อาจจะปาดหน้าใครแบบนี้ก็ได้ แบบนี้ใจมันสบาย ไม่มีเรื่องบ้าๆ บนถนนอีก หรือ
เมื่อหลายเดือนก่อน
เพิ่งเจอเรื่องใหญ่ในชีวิต เป็นพายุ Tornado ลูกโตวัดเราเต็มๆ ถ้าเป็นเมื่อ
ก่อนคงร้องไห้ คงดื่ม
เหล้าให้เมาจะได้ลืม คงทุกข์มาก แต่นี่ใช้ธรรมะที่ฝึกมา พอมีปัญหารีบกลับบ้าน
นั่งสมาธิ วิปัสสนา พอ
ใจนิ่งก็พิจารณาดูได้ว่าทุกข์ใจเพราะอะไร เหตุมาจากไหน ทางแก้ไขมีอะไรบ้าง
พายุลูกโตนี้ถ้าเป็น
เมื่อก่อนคงล้มตายไปนานหลายเดือนหรือไม่ก็เป็นปี นี่ใช้เวลา 3 วันในการนั่ง
พิจารณา แล้วก็เด่งดึ๋งก
ลับมาใหม่ ตอนนี้พายุก็ยังโจ มตีอยู่นะคะ แต่ใจเราไม่ล้มไม่เอนแล้ว ความสุขแบบ
นี้หาจากที่อื่นไม่ได้
ค่ะ ได้จากธรรมะและการปฏิบัติจริงเท่านั้น
ส่วนเรื่องหรือคนที่ทำให้เราทุกข์ เหมียวกราบขอบคุณทุกวัน เป็นอาจารย์ใหญ่ของ
เหมียว เพราะ
เหมียวได้ความก้าวหน้าและปัญญามากมายจากพายุลูกนี้
ชีวิตของเราไม่ใช่จะไม่เจอเรื่องหรือคนที่ทำให้เราทุกข์นะคะ ความก้าวหน้าของ
การปฏิบัติวัดได้จาก
ความเร็วของเราว่าล้มแล้วลุกได้เร็วแค่ไหน หรือที่เคยล้มแต่คราวนี้ไม่ล้ม ความ
จริงอีกอย่างที่เหมียว
ได้พิสูจน์แล้วคือ มนุษย์คนเดียวที่จะทำให้เหมียวโกรธได้ ทำให้เหมียวทุกข์ได้
คือตัวเหมียวเองเท่านั้น
ประสบการณ์เหล่านี้ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ 100% จากการใช้ภาษานะคะ เพราะภาษา
ก็เป็นสิ่ง
สมมุติ ต้องลองเองค่ะ เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเราเองโดยตรงเท่านั้น การฝึก
จิตก็เหมือน
กับการเ รียนว่ายน้ำ เราจะไม่มีทางว่ายน้ำเป็นได้เลย ถ้าเราไม่กระโดดลงไปในน้ำ
ต่อให้เรา
เรียนรู้ทฤษฎี อ่านหนังสือหรือฟังใครพูดมามากมายแค่ไหนก็ตาม
เหมียวระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ทุกนาที พระ
คุณของพระธรรมคำ
สอน พระคุณของพระสงฆ์และครูบาอาจารย์ที่ได้เก็บรักษาธรรมะและวิธีการปฏิบัติที่
บริสุทธ์ จนเราได้
รับในวันนี้ ขอบคุณบรรพบุรุษ พ่อกับแม่ ญาติๆทุกคน กัลยาณมิตรทุกคน เพื่อนและ
ทุกคนที่ทำให้เรามี
ความสุข และที่สำคัญทุกคนที่ทำให้เราทุกข์ เพราะทุกข์นี่แหละที่ทำให้เหมียว
อยากหาวิธีออกจากทุกข์ใน
วันนี้ค่ะ
ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้เราได้ฝึกฝน เหมือนได้ดึงอาวุธออกมาใช้
และได้ดูว่าอาวุธที่เรา
มีอยู่มันยังคมอยู่มั้ย"
ปัจจุบันเธอยังคงใช้ชีวิตตามแบบฆราวาสที่นำหลักธรรมมาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน
และการทำงาน ยัง
คงทำงานอยู่ในแวดวงธุรกิจการตลาด โดยมีบริษัทเล็กๆ ที่มีเป้าหมายอยู่ที่คนทำ
งานมีสุข การพออยู่ได้
ของธุรกิจ โดยที่ไม่เบียดเบียนใคร และไม่ยุยงให้ลูกค้าไปเบียดเบียนผู้อื่น ที่
สำคัญเธอมีความสุขกับ
การปฏิบัติธรรมและได้ชักชวนคนให้รู้จักธรรมะ
>>>เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน (สนพ. More of Life) หนังสือที่รวบรวมความคิด
ชีวิต
ประสบการณ์จริง ของวรัตดา ภัทโรดม ในคราบ 'Meow the bitch' ขณะที่อยู่ในช่วง
ชีวิตรุ่งโรจน์
และจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง
--------------------------------------------------------------------------
มีสติทุกขณะ เหมือนมีพระคอยคุ้มครอง
--------------------------------------------------------------------------
No comments:
Post a Comment