Pineapple TH-PH

Done

Monday, March 28, 2011

Fw: แอนดรูว์ บิกส์ ...เขียนเรื่องจริงที่น่าอ่านมากครับ


แอนดรูว์ บิกส์ ...เขียนเรื่องจริงที่น่าอ่านมากครับ
....คัดลอกจากบทความของ แอนดรูว์ บิกส์

อาทิตย์นี้ผมมีนัดกับเพื่อนสนิทชื่อ วิ ...ผมรู้จักวิตั้งแต่เดือนแรกที่ผมมาเมืองไทย
วิเป็นสุภาพสตรีที่ทั้งฉลาด สวย มีอารมณ์ขัน ยิ่งมีอายุก็ยิ่งสวยขึ้น วิเป็นคนที่ทราบหลายเรื่องเกี่ยวกับผมใน 12 ปีที่ผ่านมา ผมอยู่ข้างๆเธอสมัยที่เธอเริ่มต้นชีวิตทำงาน สมัยที่เธอแต่งงาน และถึงแม้ว่าสองสามปีที่ผ่านมาเราจะไม่ค่อยติดต่อกันเท่าที่ควร แต่ก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกับผม แต่หลังๆ มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างเราสองคน ซึ่งผมไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรดีบอกไม่ถูก เอาอย่างนี้ดีกว่า มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้มิตรภาพระหว่างเราสองคนแปรปรวน
สิ่งนั้นคือ............ แอมเวย์

'' สวัสดีค่ะแอนดรูว์ นี่วินะ เอ้อ ตอนนี้แอนดรูว์ใช้ยาสีฟันยี่ห้ออะไรนะ ?''
วิถามผมด้วยวิธีการทักทายที่แปลกประหลาดที่สุด ในสังคมของเรามีบางคนติดยาบ้า บางคนเสพย์ฝิ่น แต่วิเพื่อนของผมเขาติดการขายแอมเวย์ครับ และผมไม่เห็นด้วยว่าไอ้การติดแบบนี้จะมีทางแก้ไข

'' แอนดรูว์บ้านสวยมาก '' วิพูดในวันแรกที่ได้มาเยี่ยมหลังจากที่ผมย้ายบ้านไม่กี่วัน
'' เสียดายอย่างเดียวคืออากาศที่สมุทรปราการแย่มาก มลพิษเยอะ คุณน่าจะมีเครื่องฟอกอากาศติดไว้ในห้องนอนสักเครื่องหนึ่งดีไหมคะ ''

ผมคงไม่ต้องขอใช้สิทธิเปลี่ยนคำถามเพื่อหาคำตอบที่ถูกสำหรับคำถามที่ว่า แล้วคุณวิคิดว่าผมควรซื้อยี่ห้อ อะไรดีครับ โลกของเพื่อนชื่อวิ หมุนด้วยพลังของสินค้าแอมเวย์และคนที่คิดอย่างอื่น กลายเป็นมนุษย์ต่างดาว วิติดโรคขายของมาสองปีแล้วครับ และนับตั้งแต่วันที่เธอเข้าร่วมสัมมนาครั้งแรกการขายก็ค่อยๆ ครอบงำชีวิตเธอ เมื่อก่อน ผม วิ กับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งสามารถนั่งคุยเรื่องต่างๆ หลายเรื่องอย่าง สนุกสนานเพลิดเพลินเรามักจะนัดกันที่ร้านอาหารและนั่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงในเวลานั้น เราหัวเราะกันตลอด คุยเรื่องการเมือง เรื่องตลก เรื่องทะลึ่ง เรื่องเกี่ยวกับสังคมไทย ความแตกต่างระหว่างไทยกับฝรั่ง เราคุยกันนานหลายชั่วโมง จากนั้นเราก็ขอเช็คบิล และแยกย้ายกันกลับบ้าน

นี่คือสิ่งที่มีค่ามากใช่ไหมครับ........... มิตรภาพที่ไม่มีเงื่อนไข
แต่ตอนนี้รู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว เหลือแค่คนสองคนที่นั่งด่านักการเมือง เล่าเรื่อง ตลก คุยเรื่องวัฒนธรรมที่ต่างกัน ส่วนคนที่สามน่ะหรือครับ ตอนนี้เธอทำท่าเหมือนแมวที่จ้องมองหนูตัวหนึ่ง และเมื่อเราคุยถึงอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสินค้าเธอจะตะปบเหยื่ออย่างรวดเร็ว

'' ใช่แล้ว ฉันก็เหมือนกันค่ะ แอนดรูว์ '' วิแทรกการสนทนา
'' เกลียดรีดผ้ามากที่สุด แต่ฉันว่าแอนดรูว์ลองใช้น้ำยารีดผ้าของแอมเวย์สิคะ ทำให้เวลารีดผ้าลดไปครึ่งหนึ่ง ''

ที่จริงแล้วตอนนั้นหัวข้อการสนทนาไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิธีประหยัดเวลาการรีดผ้า เราเพียงคุยเบาๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เราไม่ชอบทำ อย่างเช่น การรีดผ้า แต่นี่คือความสามารถเฉพาะตัวของวิ คือ แทนที่จะร่วมคุยอย่างสนุกสนานกับเรา เธอจะนั่งเงียบรอโอกาส รอโอกาสที่จะแนะนำเพื่อนใหม่ของเธอที่มีชื่อ ว่าแอมเวย์ สุดท้ายดูเหมือนว่า วิไม่ได้เป็นมนุษย์เสียแล้ว วิกลายเป็นโฆษณาเคลื่อนที่สำหรับแอมเวย์ จะเลือกคุยหัวข้อไหนก็ช่าง วิสามารถขายของได้ ไม่ว่าจะขับรถไปทางไหน ถนนทุกสายในโลกของ วิมีจุดหมายปลายทางที่สินค้าแอมเวย์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อินเดียผู้รอดชีวิตไม่มีน้ำสะอาดดื่ม วิก็เสนอให้ผมซื้อเครื่องกรองน้ำ

เพื่อนอีกคนหนึ่งมาพบเราไม่ได้เพราะท้องเสีย วิก็เสนอให้ผมซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำ เราบ่นว่านักการเมืองใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยซื้อรถเบนซ์หลายคัน วิก็เสนอให้ผมซื้อน้ำหอมสำหรับรถผม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูด วิจะรอ... รอโอกาสขายของนั่นเอง เราสามคนชอบให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แก่กัน แต่หลังๆพวกเราไม่กล้ารับอะไรจากวิ ครั้งที่แล้วเป็นชุดยาสีฟัน แปรงสีฟันกับยาดับกลิ่นปาก คงไม่ต้องบอกว่ายี่ห้ออะไร

'' ยาสีฟันเป็นอย่างไรบ้าง ชอบไหม หมดหรือยังคะ อยากสั่งซื้อไหมช่วงนี้ลดราคาด้วย เอากี่หลอดดี ''
ในวินาทีที่วิพูดประโยคนี้จบปุ๊บ คำว่า 'ของขวัญ' ก็เปลี่ยนเป็น 'ตัวอย่างสินค้า' ทันทีครับ

พอถึงจุดนี้ผมขอสารภาพว่า ผมชอบสินค้าแอมเวย์ บางชนิดผมก็ใช้เป็นประจำ แต่ผมชอบแอมเวย์เหมือนกับผมชอบซุปหน่อไม้ ชอบอาภาพร นครสวรรค์ ชอบสีเขียว หรือว่าชอบวินทร์ เลียววารินทร์ หมายความว่าทั้งหมดนี้ผมชอบ แต่ขอร้องนะครับ อย่าให้ผมทานซุปหน่อไม้ทุกมื้อ ฟังอาภาพรตลอดเวลา ใส่แต่เสื้อสีเขียวหรืออ่านสิ่งมีชีวิตฯเล่มเดียวตลอดเวลา

เพื่อนคนที่สามของเรากระซิบกับผมว่า '' ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยอยากจะคุยกับวิเลย คุยแล้วต้องซื้ออะไรสักอย่าง วิไม่เข้าใจว่า ... I like to shop!'' เห็นด้วย เห็นด้วย ผมเป็นคนที่ชอบความหลากหลาย เพราะถือว่าเป็นรสชาติของชีวิตใช่ไหมครับ ที่สำคัญกว่านั้นคือผมเป็นคนที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ผมย่อมอยากมีสิทธิเลือกสินค้ายี่ห้ออื่นบ้าง แต่เวลาเสนอความคิดอย่างนี้กับวิ เธอมองกลับมาด้วยสีหน้างงๆ และพูดด้วยสำเนียงของคนที่ถูกล้างสมองว่า

'' แต่คุณจะเลือกยี่ห้ออื่นทำไม ทั้งๆ ที่รู้ว่ายี่ห้อนี้คุณภาพดีที่สุด '' ฟังคำตอบนี้แล้วทำให้ผมอยากขึ้นเครื่องบินไปสหรัฐตรงดิ่งไปสาขาใหญ่ของแอมเวย์ แล้วเคาะประตูใหญ่ด้วยกำปั้นทั้งสองอย่างแรง และ ตะโกนเหมือนคนบ้าว่า........................... '' เอาเพื่อนรักของผมคืนมา!!!! ''

พฤติกรรมแปลกประหลาดของวิทำให้ผมนึกถึงสถานการณ์ที่เดอะเนชั่นเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ตอนนั้นถ้าไม่ซื้อแอมเวย์ผมจะกลายเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าซื้อแอมเวย์ ผมก็จะกลายเป็นคนไม่ดีเหมือนกัน ผมจะอธิบายให้ฟังครับ
คือตอนนั้นมีคนสองคนที่ทำงานชั้นเดียวกันขายแอมเวย์สองคนนี้ไม่เคยพูดอะไรกันตรงๆ แต่ใครๆ ก็เห็นได้ว่าสองคนนี้แย่งลูกค้ากันถ้าผมสั่งซื้ออะไรจากคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งจะไม่ยอมยิ้มกับผมเป็นเวลาหลายวันบรรยากาศที่ทำงานตอนนั้นแย่มาก ในที่สุดผมตัดสินใจที่จะไม่ซื้ออะไรจากทั้งสองคนและหันไปใส่ใจเรื่องอื่นแทนคือ ทำงานครับ

กลับมาที่ปัจจุบันและเพื่อนชื่อวิดีกว่า ถ้าถามผมจริงๆ ว่าผมรู้สึกไม่สบายใจเรื่องนี้ เพราะอะไรผมต้องตอบว่า เป็นเพราะเพื่อนวิไม่สามารถแยกความหมายของคำว่าเพื่อนกับ ลูกค้า ออกได้อย่างชัดเจน ผมไม่อยากจะเจอวิในฐานะที่ผมเป็นลูกค้าครับ
ถ้าผมอยากเป็นลูกค้า ผมก็จะขับรถไปเซ็นทรัลดีกว่า การที่จะเอาเพื่อนมาปั้นเป็นลูกค้านั้นเป็นสูตรที่ดี สำหรับคนที่ไม่อยากมีเพื่อนในอนาคตผมชอบใช้เวลากับเพื่อนเพื่อหนีการพาณิชย์การค้าและการทำงาน ถ้าหากว่ามีเพื่อนซึ่งทำงานในวงการที่เกี่ยวกับงานที่ผมทำอยู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใช่ไหมครับ แต่กับการขายอย่างพีระมิด (ถึงแม้บริษัทอย่างแอมเวย์จะปฏิเสธมากแค่ไหนว่าเขาไม่ได้ขายของแบบพีระมิด แต่ผมก็ไม่ทราบว่าจะเรียกระบบการขาย ที่เน้นการหาคนขายคนอื่น เป็นขาของเราว่าอะไรนอกจากคำว่า พีระมิด)

ผมเพิ่งจะคุยเรื่องนี้กับเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อจิ ตอนนี้ในชีวิตของเขาไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องไก่ เขาเข้าไปในระบบขายไก่ซึ่งเป็นพีระมิดเหมือนกับเพื่อนชื่อวิ ช่วงนี้จิไม่ว่าง โอ้-ขอโทษที เขาว่างมากถ้าคุณแสดงแม้แต่นิดเดียวว่าคุณอยากเป็นขาของเขาในการขายไก่ แต่สำหรับพวกเราที่ไม่ได้วัดคุณค่าชีวิตเราโดยจำนวนไก่ ที่เราสามารถขายได้ จิก็ประกาศแล้วว่าจะไม่ค่อยว่างเป็นเวลาสองปี
ผมไม่ผิดหวังครับ ปีที่แล้วชีวิตการขายของจิ คือ ยาลดความอ้วนสำหรับสองปีที่แล้วเป็นวิตามิน แต่เมื่อผมเสนอแนวคิดว่า เพื่อนไม่เหมือน ' ลูกค้า ' ตาของจิดูเหมือนมีไฟลุกโพลงอยู่
แอนดรูว์ไม่เข้าใจ� จิพูดเหมือนคนกำลังท่องบท
เศรษฐกิจอย่างนี้เพื่อนจะต้องช่วยเพื่อน ถ้าเพื่อนไม่ช่วยซึ่งกันและกัน แล้วใครจะช่วยได้�
แหม...พูดอย่างนี้เสียดายจังเลยที่วิแต่งงานแล้ว ผมว่าสองคนนี้ถึงแม้ไม่เคยได้รู้จักกัน แต่น่าจะคบกันได้ดี

ผมพยายามอธิบายให้จิฟังว่า การที่จะให้คนหนึ่งเป็นขาของเราไม่ใช่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันมันเป็นการช่วยช่องทางเดียว แต่พูดอะไรก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าหูจิเลย จิเลิกคุยกับผมแล้ว เขาท่องอาขยานแทน ยิ่งช่วงเวลาหลังจากการอบรมเรื่องการขายไก่ โอ้โห-จิรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับไก่รู้วิธีต่อต้านคนอย่างผมที่กล้าเสนอว่าเป็นการขายอย่างพีระมิด ซึ่งแสดงว่ามีมากกว่าหนึ่งคนที่คิดอย่างนั้น ผมบอกจิแล้วว่าถ้าผมเป็นอะไรและต้องจากโลกนี้ไป ขอกลับชาติมาเกิดเป็นไก่ จิจะได้อยากใช้เวลากับเพื่อนเก่าสักหน่อย

คิดถึงเพื่อนชื่อวิกับจิจังเลย เมื่อไรจะกลับมาเสียที ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่จริงแล้วผมเห็นด้วยกับ วิและจิ ตรงที่ว่าเพื่อนควรช่วยเพื่อน เพียงแต่ผมไม่อยากจะวัด ความเป็นเพื่อนโดยใช้จำนวนไก่หรือเครื่องฟอกอากาศเป็นเกณฑ์

ถ้าท่านผู้อ่านคิดว่าผมอารมณ์เศร้าวันนี้ก็อาจเป็นความจริงเพราะวันนี้ผมเพิ่งทราบว่า เพื่อนชื่อ เบญจวรรณเริ่มขาย Mistine ตั้งแต่วันนี้ และเธอบอกว่าอยากพบผมด่วน!

No comments: