Pineapple TH-PH

Done

Saturday, May 19, 2012

Monday, April 30, 2012

บทเรียนมีคุณค่าจากผู้สูงอายุ

ในสังคมยุคดิจิ ทัลเรามักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคำแนะนำ หรือประสบการณ์ของผู้มีอายุกันเท่าไร ยุคนี้หลายคนถือว่าเป็นยุคของคนรุ่นใหม่

ดังนั้น ผู้สูงอายุหรือผู้มีประสบการณ์จึงมักไม่ใช่แหล่งที่เราจะเข้าไปหาเมื่อมี ปัญหาหรือต้องการคำแนะนำ คนรุ่นใหม่มักจะหันหน้าเข้าหาผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ หรือไม่ก็หนังสือพวก Self-Help หรือไม่ก็ปรึกษา Google เลย เรามักจะมองว่าบรรดาผู้สูงอายุหลายๆ ท่านไม่ทันสมัย ชอบแต่เล่าเรื่องเก่าๆ ไม่ทันต่อยุคและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
 

แต่จริงๆ ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง เราจะพบว่าบรรดาผู้สูงอายุทั้งหลายนั้นได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และกว่าที่อายุจะยืนยาวได้ถึงระดับหนึ่งย่อมจะต้องได้เรียนรู้ในบางสิ่ง บางอย่างที่มีคุณค่า ที่หนังสือหรือเว็บไหนก็ไม่สามารถที่จะทดแทนได้ ถึงแม้สภาวะแวดล้อมในอดีตกับปัจจุบันไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่แก่นและหลักการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการใช้ชีวิตย่อมไม่ต่างกันมาก
 

ในต่างประเทศนั้นได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งของ Cornell ชื่อ Karl Pillemer ซึ่งได้ไปสัมภาษณ์ชาวอเมริกันที่อายุเกิน 70 ปีขึ้นไปมากกว่า 1,200 คน โดยคำถามเด็ดนั้นอยู่ที่ว่า “จากประสบการณ์ชั่วชีวิตคุณ อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากไว้ให้ลูกหลาน” แล้วก็นำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อ 30 Lessons for Living ครับ แต่เขาได้คัดเลือกบทเรียนสำคัญ 10 ประการที่โดดเด่นเอาไว้ครับ โดยบทเรียนทั้ง 10 ประการ ประกอบด้วย
 

1. ให้เลือกอาชีพโดยดูจากความต้องการภายในมากกว่าผลตอบแทนด้านการเงิน โดยบรรดาผู้สูงวัยกล่าวว่าความผิดพลาดสำคัญในการเลือกอาชีพของเขา คือ การเลือกอาชีพโดยดูจากผลตอบแทนมากกว่าสิ่งที่ชอบและคุณค่าของอาชีพ
 

2. ให้ปฏิบัติต่อร่างกายเหมือนกับต้องใช้งานไปอีกร้อยปี โดยให้ลดและเลิกพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเราไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เราเสียชีวิตในฉับพลัน แต่ทำให้เราเกิดความทรมานเมื่อสูงวัย
 

3. ตอบตกลงต่อโอกาสที่เข้ามา โดยเมื่อมีโอกาสหรือความท้าทายเข้ามา ต้องอย่าปฏิเสธครับ เพราะส่วนใหญ่มักจะมาเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง
 

4. เลือกคู่ด้วยความระมัดระวัง อย่ารีบร้อนตัดสินใจ ใช้เวลาในการดูและทำความรู้จักคนที่เราจะอยู่ด้วย อย่ารีบด่วนตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งอย่างถ่อง แท้
 

5. เที่ยวให้มากไว้ (ชอบมากครับ) เมื่อมีโอกาสให้เดินทาง ครับ คนสูงวัยส่วนใหญ่จะมองย้อนกลับมายังโอกาสต่างๆ ที่ได้ท่องเที่ยวเดินทาง และมองว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และมีคุณค่าของชีวิตเลยทีเดียว
 

6. ให้พูดในสิ่งที่อยากจะพูดเดี๋ยวนี้ เนื่องจากเรามักจะเสียใจและเสียดาย ว่าไม่ได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูดกับหลายๆ คน เมื่อไม่มีโอกาส เราจะมีโอกาสแสดงความรู้สึกที่แท้จริงต่อผู้อื่นได้ ก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นนะครับ
 

7. เวลาเป็นของมีค่า ชีวิตของเรานั้นแสนสั้น แต่ไม่ใช่ให้มานั่งเศร้า นะครับ แต่ให้ทำในสิ่งที่สำคัญและมีค่าเดี๋ยวนี้ เนื่องจากยิ่งเราอายุมากขึ้น เราจะพบว่าเวลายิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วขึ้น
 

8. ความสุขเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากเงื่อนไขต่างๆ คำแนะนำหนึ่ง ก็คือ จงรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเราเองตลอดชีวิตเรา
 

9. การใช้เวลามานั่งกังวลต่อสิ่งต่างๆ นั้นเป็นการเสียเวลา ดังนั้น ให้หยุดกังวลครับ หรือไม่ก็พยายามลดความกังวลลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลในสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น
 

10. คิดเล็ก-อย่าคิดใหญ่ ค่อยๆ ซึมซับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นสิ่งที่ดีในชีวิตเรา และมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นครับ
 

ท่านผู้อ่านคงจะเห็นตรงกันนะครับว่าข้อคิดดีๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ในประเทศไทยเองก็น่าจะมีการศึกษาในลักษณะนี้เหมือนกันนะครับ เพื่อรวบรวมบทเรียนสำคัญของชีวิตจากผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างยาวนาน เอาไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับรุ่นหลังต่อไปครับ

Wednesday, March 7, 2012

Fwd: Fw: เหตุที่ทำให้เกิดความสุข..


time magazine บอกว่า ที่อเมริกา  มีงานวิจัยพบว่าคนที่มี
ความสุขมากที่สุดในโลก คือพระในพุทธศาสนา โดยทดสอบด้วยการ
สแกนสมองพระที่ทำสมาธิและได้ผลลัพธ์ออกมาว่าเป็นจริง

+ หลักความเชื่อของศาสนาพุทธ คือ เหตุที่ทำให้เกิดความสุข

นั้นก็คืออยู่กับปัจจุบันขณะ  ปล่อยวางได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
What is over, is over.
ควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุดได้

+ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทะเลาะ และใช้หลัก เวรย่อมระงับด้
วยการไม่จองเวร
ให้อภัย
ตัวเองและผู้อื่น   มีจิตใจเมตตา กรุณา และเสียสละเพื่อผู้อื่น

+ อริยะ สัจ 4 สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้
นพบและบอกไว้ด้วย ทุกข์ สมุทัย
นิโรธ มรรค แท้จริงแล้วก็คือทางเดินไปหาคำว่า "ความ สุข"  เพราะ ถ้า

เมื่อไรเรา กำจัด "ความ ทุกข์" ได้ แล้วความสุขก็จะเกิดขึ้น

+ อุปสรรค ของความสุขก็ คือ
แรงปรารถนาไม่สิ้นสุด และ ตัณหา    คนเราจะมีความสุข
ไม่ขึ้นอยู่กับว่า"มี เท่าไร"  แต่ ขึ้นอยู่ที่ว่า เรา "พอ เมื่อไร" ความสุขไม่ได้ขึ้น
กับจำนวนสิ่งของที่เรามี หรือเราได้...

+ ดังนั้นวิธีจะมี ความสุขอันดับ แรกต้อง "
หยุด ให้เป็น และ พอ ให้ได้"
ถ้า เราไม่หยุดความอยากของเราแล้วละก็เรา ก็จะต้องวิ่ง ไล่ตามหลายสิ่ง

ที่เรา "อยาก ได้" แล้ว นั่นมันเหนื่อย  และความทุกข์ ก็จะตามมา...

+ ข้อ ต่อมาที่ทำให้ เราเป็นสุขคือ การมองทุกอย่าง ในแง่บวก
ชีวิตแต่ละวัน
แน่นอนเราต้อง เจอทั้งเรื่องดีและไม่ดี  ถ้าเราอยากจะมีความสุข เราต้องเริ่ม
ด้วยการมองแต่สิ่งดีๆ มองให้เป็นบวก เพื่อใจเราจะได้ เป็นบวก คิดถึงสิ่งที่เรา
ทำสำเร็จแล้วในวันนี้  สิ่งดีๆที่เราได้ทำ
 

+ ข้อ ต่อมาคือการ
ให้  หมายรวมถึงการให้ในรูปแบบ สิ่งของหรือ เงินบริจาค
  และการให้ ความเมตตากรุณาต่อกัน   ให้ อภัยทั้งตัวเองและคนอื่น  
 สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยทำให้เรามีความสุข....

+ การ ปล่อยวางให้ได้ ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
และที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ไม่ว่าเรื่องจะ ร้ายแรงและ เศร้าโศกเพียงใด จำไว้ว่ามันจะโดนเวลาพัดพามันไป
จากเรา ไม่ช้าก็ เร็วเราจะผ่านพ้นไปได้....และยอมรับในความเป็นจริงของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที้เราไม่ชอบเพียงใด ไม่ว่าผิดหวัง สูญเสีย เจ็บป่วย ล้วนแล้ว

แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ทุกคนต้องได้ผ่านบททดสอบนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าเราจะเป็นใคร...


+  ทำตนเองให้สดใส ด้วยการยิ้มให้ตนเอง ทำคนอื่นให้สดใสได้
 ด้วยการยิ้มให้
เขา การยิ้มไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่สร้างความสดใสได้มาก ทำให้เราเป็น สุข
อยู่เสมอ เพราะความสุขมันอยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่ที่ใจของเรานี่เอง  ยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส
เห็นใครทักก่อน   นี่คือ.. วิธีแสดงเสน่ห์แบบง่ายๆ แต่ให้ผลมาก

การให้อภัยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
  แต่การแก้แค้นลงทุนมาก เขาด่าว่าเราไม่ถึงนาที
เขาอาจลืมไปแล้วด้วย แต่เรายังจดจำ ยังเจ็บใจอยู่... นี่เราฉลาดหรือโง่กันแน่
บ่นแล้วหมดปัญหาก็น่าบ่น บ่นแล้วมีปัญหา ไม่รู้จะบ่นหาอะไร

เรายังเคยเข้าใจผิดผู้อื่น ถ้าคนอื่นเข้าใจเราผิดบ้าง
 ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร
ทำไมต้องเศร้าหมอง ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเข้าใจ

อย่าโกรธฟุ่มเฟือย อย่าโกรธจุกจิก อย่าโกรธไม่เป็นเวลา อย่าโกรธมาก
จะเสีย
สุขภาพกาย และสุขภาพจิต  แม้จะฝึกให้เป็นผู้ไม่โกรธไม่ ได้ แต่ฝึกให้เป็นผู้ไม่
โกรธบ่อยได้  ฝึกให้เป็นผู้รู้จักให้อภัยได้

การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่
องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา  การชอบพูดถึง
ความดีของเขา คือความดีของเรา การชอบพูดถึงความไม่ดีของเขา  คือความ
ไม่ดีของเรา โทษคนอื่นแก้ไขอะไรไม่ได้ โทษตนเองแก้ไขได้

แก้ตัวไม่ได้ช่วยอะไร แต่แก้ไขช่วยให้ดีขึ้น
  การนอนหลับเป็นการพักกาย
การทำสมาธิเป็นการพักใจ คนส่วนใหญ่พักแต่กาย ไม่ค่อยพักใจ

รู้จักทำใจให้รักผู้บังคับบัญชา รู้จักทำใจให้รักลูกน้อง

รู้จักทำใจให้รักเพื่อนร่วมงาน
 สวรรค์ก็อยู่ที่ทำงาน
เกลียดผู้บังคับบัญชา เกลียดลูกน้อง เกลียดผู้ร่วมงาน นรกก็อยู่ที่ทำงาน


การที่เรายังต้องแสวงหาความสุข  แสดงว่าเรายังขาดความสุข

แต่ถ้าเรารู้จักทำใจให้เป็นสุขได้เอง ก็ไม่ต้องไปดิ้นรนแสวงหาที่ไหน
อ่อนน้อม อ่อนโยน  อ่อนหวาน นั้นดี.... อ่อนข้อให้เขาบ้างก็ยังดี

แต่...อ่อนแอนั้น ไม่ดี  ในการคบคน ศิลปะใดๆ ก็สู้ความจริงใจไม่ได้


จงประหยัด คำติ แต่อย่าตระหนี่ คำชม

อภัยให้แก่กันในวันนี้ ดีกว่าอโหสิให้กันตอนตาย


ถ้าคิดทำความดี ให้ทำได้ทันที
 ถ้าคิดทำความชั่ว ให้เลิกคิดทันที
ถ้าเลิกคิดไม่ได้ ก็อย่าทำวันนี้ ให้พลัดวันไปเรื่อยๆ
ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์
   โลกสว่างด้วยแสงไฟ
ใจสว่างด้วยแสงธรรม  แสงธรรมส่องใจ แสงไฟส่องทาง

ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้

ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฎิบัติธรรมไม่ได้
ผู้ปฎิบัติธรรม สู้ผู้ที่
เข้าถึงธรรมไม้ได้

มีทรัพย์  ย่อมมีความสะดวก
มีธรรม  ย่อมมีความสุข


เมื่อก่อนยังไม่มีเรา
   เราเพิ่งมีมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
และอีกไม่นานก็จะไม่มีเราอีก
 จึงควรรีบทำดี ในขณะที่ยังมี...เรา
 
 
 ขอขอบคุณ ผู้ที่ได้จัดทำบทความนี้  จึงขอ ส่งต่อ ให้เพื่อนๆ
 เพื่อให้ใจสว่างด้วยแสงธรรม และพร้อมที่จะให้อภัยต่อกัน 







--

ratana

cell  :  66 81 341 3733