Pineapple TH-PH

Done

Tuesday, January 15, 2008

ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต : บทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี

 ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
 คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก
 เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
 ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ
 มาเรียนที่อเมริกา
 เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
 ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
 ล้างเ สร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู
 ว่าสะอาดจริงมั้ย
 กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
 มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
 ต้องให้ดีที่สุด
 เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ
 เขียนไว้สามแผน
 แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
 แกเสนอแผนที่สอง
 แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
 ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย
 แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา
 มีธุรกิจ
 มีชื่อเสียงทุกอย่าง
 แกมีทุกอย่าง
 วันหนึ่งแกพักผ่อน
 หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
 ลุกเมียไปขอพบ
 บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต
 วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง
 ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
 ภรรยาพาเข้าโรงบาล
 ตรวจพบมะเร็ง
 พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
 จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
 แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้
 แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
 แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน
 บันทึกชีวิตแก
 ก่อนจะเสียชีวิต
 แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
 แกก็บอกว่าสังเวชตัวเอง มากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
 กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
 
 
ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
 พ่อผมเคยบอกว่า
 เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ
 
ปริญญาใบที่หนึ่ง
 "ปริญญาวิชาชีพ"
 เราจะต้องทำมาหากินเป็น
 กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
 ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
 อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
 แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ
 
แต่"ปริญญาวิชาชีวิต"
 ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
 แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
 ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
 แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
 เพราะอะไร
 เพราะทำงานจนป่วยตาย
 
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง
 บ้าน รถ
 มอบมันให้กับลูกและภรรยา
 แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
 ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
 สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
 สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
 เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
 
 
นี่คือปริญญาวิชาชีวิต
 ธรรมะเราจะต้องมี
 ถ้าเราไม่มีธรรมะ
 เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
 ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
 ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
 อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
 แต่ละวันควรจะมี
 ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง
 ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์ มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
 แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า
 พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
 เพื่อที่ว่าอะไร
 เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
 หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
 เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
 มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
 คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
 ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป ทำอะไรให้พอดี
 พอดีอยู่ดีมีสุข
 อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
 อยากพักให้ได้พัก
 อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
 ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
 อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
 และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี
 เพราะอะไร
 เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
 
 
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเ้จ้า
 ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด
 บางคนก็ตอบเงิน
 บางคนก็ตอบเพชร
 บางคนก็ตอบทอง
 บางคนก็ตอบอำนาจ
 บางคนก็ตอบราชบัลลังก์
 พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
 สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต
 สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
 คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
 และก็ชีวิตของเรา

No comments: